"จับตาคนแพ้ดิ้น ... ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม"
หวั่นผู้แพ้จ้องหาเหตุล้มประมูล “บีทีเอส” ยื่นฟ้องศาลปกครอง หวังล้มกระดาน รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี มูลค่า 1.4แสนล้านบาท
เมื่อศึกศักดิ์ศรีระหว่าง BTS บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ของเจ้าพ่อรถไฟฟ้า “คีรี กาญจนพาสน์” และ BEM บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ ธุรกิจในเครือ ช.การช่างของ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” มาต่อในยกถัดไป หลังจากที่เปิดศึกปมแย่งลูกค้าในสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีลาดพร้าว - แยกรัชโยธิน ที่อาจจะทำให้ BEM ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมการเดินทางของผู้โดยสารเข้าเมืองที่เปลี่ยนไป ไม่ต้องมาต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่สามารถใช้ BTS ช่วงต่อขยายเข้าเมืองได้แทน
ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ที่อยู่ในฐานะคนกลางเจ้าของโครงการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีสัญญาผูกมัดตามกฎหมาย
"อ้างอิงสัญญาข้อ 21 ข้อตกลงกระทำการและงดเว้นกระทำการของ รฟม. ใน “ข้อ ข” ระบุว่า ภายใต้บังคับแห่งเงื่อนไขของสัญญานี้ รฟม.รับว่าจะไม่กระทำและจะต้องงดเว้นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่อาจขัดขวางหรือกระทบกระเทือนต่องานหรือการดำเนินการหรือการไหลเวียนของผู้โดยสารเข้าสู่โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือการจัดเก็บค่าโดยสารหรืออัตราค่าโดยสารตามสัญญานี้"
ทำให้ รฟม. ไม่รู้จะหาทางลงเรื่องนี้แบบไหน เพื่อไม่ให้กระทบต่อคู่สัญญาทั้ง 2 บริษัท ทำให้สถานะสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย จึงยังลูกผีลูกคนจะ “สร้าง หรือ ไม่สร้าง” ทั้งที่การเจรจาผลตอบแทนและรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เคลียร์จบแล้ว
“รฟม.และ BEM มองว่า BTS ต้องเยียวยาให้ BEM อย่างเหมาะสม แต่คงไม่ถึงขั้นเต็ม 100% และต้องกำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาสายสีเหลืองส่วนต่อขยายว่า BTS และ BEM ต้องมีเจรจากัน ภายหลังการเปิดให้บริการสายสีเหลืองส่วนต่อขยายแล้ว แต่ BTS ยังไม่ตอบรับเงื่อนไข”
BTS ลั่นไม่เยียวยาผลกระทบ
“การชดเชยไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้เป็นคู่สัญญากับ BEM เป็นหน้าที่ของ รฟม.ในฐานะคู่สัญญา ต้องพิจารณาเอง เราได้ตอบยืนยันไปยัง รฟม.แล้ว”
“หาก รฟม.จะไม่ให้ทำส่วนต่อขยาย เพราะอาจจะขัดแย้ง BEM อยู่ที่การชั่งน้ำหนักของ รฟม.ว่าคุ้มหรือไม่ แต่เรามองว่ามีประโยชน์กับประชาชน ถ้าเราไม่ได้ทำก็ไม่มีผลอะไรกับสายสีเหลืองแต่อย่างใด”
ศึกยกแรกจบไป โดยที่ปัญหายังไม่ได้แก้ แต่ศึกยกถัดมาก็เริ่มต่อ
เมื่อรฟม.ได้ทำหนังสือแจ้งรายละเอียดไปยังเอกชน 10 รายที่ซื้อซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และเดินรถสายสีส้มตลอดเส้นทาง ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงค์) มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal Documents : RFP) โดยการปรับหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จะนำคะแนนข้อเสนอด้านเทคนิคมาเป็นเกณฑ์ประเมินร่วมกับข้อเสนอด้านการเงินและผลตอบแทนด้านเทคนิค 30% ด้านราคา 70% ด้วยว่า
"ผู้ที่ร่วมประมูลหลักต้องมีคุณสมบัติ เคยผ่านการ ก่อสร้างระบบรางรถไฟแบบยึดพื้นผิว ไม่ใช่รางโรยกรวด และเคยก่อสร้างอุโมงค์ทั้งลอดแม่น้ำเจ้าพระยาและใต้ดินมาก่อน"
ซึ่งบีทีเอสกรุ๊ป และบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน และตาม TOR เดิม ใช้ราคาเป็นเกณฑ์ และสามารถหาพันธมิตรที่ชำนาญงานภายหลังได้
ดังนั้น เมื่อวันที่ 16 กันยายน BTS เตรียมยื่นศาลปกครอง ค้านแก้กติกาประมูลสายสีส้ม เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว และหวังให้ศาลชี้ขาด ให้ใช้เกณฑ์ 𝑻𝑶𝑹 เดิมแข่งขันประมูลสายสีส้มเพื่อความเป็นธรรม และอยากให้ทางรฟม. กลับมาใช้หลักเกณฑ์เดิม ที่พิจารณาจากซองราคา 100% (ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดและให้ผลตอบแทนมากที่สุดเป็นผู้ชนะ) เพียงอย่างเดียว เพราะหากนำคุณสมบัติด้านเทคนิคมาพิจารณาด้วย อาจจะเป็นการใช้ดุลยพินิจ แต่ถึงยังไง ทาง 𝗕𝗧𝗦 ก็ยังยืนยันว่า จะเข้าร่วมประมูลแข่งขันตามเดิม
หลังจากที่รฟม.ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ซื้อเอกสารฯ แต่ก็ไม่มีผู้ซื้อเอกสารฯ รายใดโต้แย้งเข้ามายัง รฟม. และได้มีการชี้แจงไปยังกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป ว่า การปรับเปลี่ยนเป็นไปตามระเบียบ และประกาศของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) รวมทั้งเป็นอำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการมาตรา 36
ทางรฟม. ย้ำว่า "รฟม. ไม่ได้สนิทและเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดเป็นพิเศษและข้อเสนอด้านการเงินก็ยังคงเป็นตัวตัดสินหลัก"
_________________________________________________
ล่าสุด หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ : ผู้รับเหมา บี้รฟม. แก้เกณฑ์ ประมูลรถไฟฟ้า "สายสีส้ม" เอื้อใคร?
แจ้งว่า แหล่งข่าวในวงการผู้รับเหมา เปิดเผยว่า สิ่งที่ฝ่ายบริหาร รฟม.ออกมาระบุล่าสุดนั้น เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นความตกต่ำขององค์กร และยิ่งตอกย้ำให้เห็นความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินโครงการนี้หนักเข้าไปอีก
หากลองมองย้อนไปถึง 10 รายชื่อเอกชนที่เข้ามาซื้อซองประมูล จะประกอบด้วย
1. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
2. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC
3. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS
4. บริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC
5. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
6. บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH
7. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK
8. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF
9. ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด
10. บริษัท วรนิทัศน์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด
ซึ่งจากรายชื่อจะเห็นมีกลุ่มผู้รับเหมาเพียงแค่ 3 รายเท่านั้น ก็คือ
บริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK
ดังนั้น ก็น่าจะเดาได้ว่า ข่าววงในวงการรับเหมาน่าจะมาจากเอกชนรายใดนะ