รองโฆษก พปชร. โต้ ส.ส.ปชป. ปมส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ชี้ ใครดีไม่ดีประชาชนคิดเองได้
รองโฆษก พปชร. โต้ ส.ส.ปชป. ปมส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ชี้ ใครดีไม่ดีประชาชนคิดเองได้
นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงตน ในกรณีที่พร้อมจะสนับสนุนให้ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ลงเลือกตั้งในพื้นที่เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช หากนายเทพไท เสนพงษ์ ขาดสมาชิกภาพส.ส.นั้น
ทั้งนี้ขอชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวตนได้แสดงความความคิดเห็นในฐานะ เลขานุการคณะทำงาน ส.ส.ภาค 8 เป็นการแสดงจุดยืนของกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ที่ต้องการให้ประชาชนได้ใช้โอกาสนี้เลือกผู้แทนที่พี่น้องประชาชนคิดว่าดีที่สุด และพร้อมทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน เป็นทางเลือกให้พี่น้องประชาชนภาคใต้ที่รอคอยความหวังมากว่า 30 ปี
สำหรับเรื่องมารยาททางการเมืองนั้น พรรคพลังประชารัฐเอง ถือเป็นพรรคที่รักษามารยาททางการเมืองที่ดีมาโดยตลอด ในฐานะที่เป็นแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากบางพรรคที่มักจะหลงลืมมารยาททางการเมืองในบางครั้ง จนทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความรู้สึกอึดอัดใจ
“กรณีดังกล่าว ตนกล่าวถึงการแสดงจุดยืนของ ส.ส.ภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ ในอนาคตข้างหน้า หากว่ามีการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ดังกล่าวจริง ส.ส.ภาคใต้ก็พร้อมจะสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรค ได้มีโอกาสทำหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชน โดยตนให้ความเคารพต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะความเคารพที่มีต่อหัวหน้าพรรค และมติพรรค โดยที่ผ่านมา 30 ปี พี่น้องประชาชนได้อะไรบ้างจากผู้แทนคนเดิมของเขา พรรคพลังประชารัฐจึงได้เสนอตัวเป็นทางเลือก ซึ่งเราให้ความเคารพในเสียงของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง” นายสัณหพจน์ กล่าว
ขณะที่ผลงานของ ส.ส.พลังประชารัฐในพื้นที่นั้น ต้องบอกว่าตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคทุกคน ต่างทำหน้าที่ของตนเองในการดูแลให้กับพี่น้องประชาชน และพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนทุกคน โดยไม่เลือกแบ่งข้างว่าใครจะสนับสนุนใครหรือไม่สนับสนุนใคร ซึ่งประชาชนพื้นที่ต่างรู้ดี และไม่ได้มีความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับใคร โดยหากตนจะมีความกลัว ก็กลัวเพียงยังทำหน้าที่รับใช้พี่น้องประชาชนได้อย่างไม่เต็มที่เท่านั้น
นอกจากนี้การเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราชเอง ตนได้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลง เพราะพี่น้องประชาชนต่างยอมรับ และสนับสนุนให้ ส.ส.พลังประชารัฐ ได้ทำหน้าที่ผู้แทนของพวกเขา จนทำให้พรรคการเมืองเจ้าของพื้นที่เดิมต้องพ่ายแพ้ ซึ่งตนต้องขอขอบคุณคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน ที่เป็นคะแนนเสียงที่บริสุทธ์เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และความหวังให้เราได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนของพวกเขา ไม่ใช่คะแนนเสียงที่มาจากการทุจริต
อย่างไรก็ตามตนมีความเชื่อมั่นในวิถีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่ต้องเปิดโอกาสทางเลือกให้ประชาชน ไม่ใช่การใช้อิทธิพลผู้ใหญ่ในพรรคใดๆ มาร่วมฮั้วการเลือกตั้ง ปิดโอกาสทางเลือกของประชาชน หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของประชาชน โดยพรรคการเมืองต้องเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ไม่ใช่เป็นผู้ใช้อำนาจอิทธิพลแทรกแซงบังคับให้ประชาชนต้องเลือกคนของพรรคเดียว การกระทำดังกล่าวตนถือว่าเป็นการทำลายระบอบพรรคการเมืองในระบบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้