ไทยต้องไม่เป็นทาสใคร! โดย สิริอัญญา
ไทยต้องไม่เป็นทาสใคร!โดย สิริอัญญา
วันพุธที่ 16 กันยายน 2563
ความเคลื่อนไหวของต่างชาติต่อประเทศไทยกำลังขยายวงครอบคลุมถึงปริมณฑลด้านต่าง ๆ มากขึ้นและเป็นที่กล่าวขวัญกันมากขึ้น โดยเฉพาะปรากฏการณ์สำคัญหลายอย่างที่มีลักษณะแทรกแซง ครอบงำ ข่มเหงบังคับให้ประเทศไทยต้องประพฤติปฏิบัติหรือกระทำการบางอย่างที่ขัดต่อผลประโยชน์แห่งชาติและกระทบต่อประชาชนชาวไทย
แรงกดดันที่จะระงับการยกเลิกการใช้สารพิษก็ดี การปิดประเทศทางด้านเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนริมแม่น้ำโขง ซึ่งตัดโอกาสในการรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามายังประเทศไทย และทำลายโอกาสในการค้า 6 ประเทศของประเทศไทย แม้กระทั่งในเรื่องยาและวัคซีน รวมทั้งการเปิดเสรีกัญชาล้วนติดขัดและส่อเค้าว่าต่างชาติจะเข้ายึดครองมากขึ้น
ปรากฏการณ์ที่ต่างชาติโหมกระหน่ำเพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาตราสารหนี้ รวมทั้งการเงินการคลังกับประเทศไทยเป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างครึกโครม โดยเฉพาะความสอดรับกับการก้าวเข้าสู่การมีบทบาทต่อตลาดเงินตลาดทุนและสถาบันควบคุมกำกับทางวิชาชีพหลายสาขา ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนและเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความพยายามเข้าครอบงำยึดครองประเทศไทย
แม้ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวยังแสดงออกถึงความไม่พร้อมอยู่บ้าง และบางเรื่องก็มีพฤติกรรมที่เร่งรัดและเปิดช่องโหว่ให้คนไทยจับได้รู้เท่าทันบ้าง แต่ทิศทางมีความชัดเจนว่ามีความพยายามอย่างแรงกล้าที่จะเข้าครอบงำยึดครองแทรกแซงประเทศไทย
ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมไหวขึ้นอย่างรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอาจกระทบต่อความมั่นคงและเอกภาพของความเป็นรัฐในอนาคตอันไม่ไกลนัก
แน่นอนว่าประเทศไทยเพราะเหตุที่มีภูมิยุทธศาสตร์ตั้งอยู่ในจุดสำคัญของโลก เป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทต่อสองฟากมหาสมุทรคือมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของการเดินเรือถึง 80% ของโลก และเป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในทางการทหารทั้งทวีปเอเชียหรือที่เรียกภาษาทางทหารว่ายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก
สภาพที่ประเทศไทยเป็น Ocean Link คือเป็นจุดเชื่อมต่อสองฝั่งฟากมหาสมุทร และความที่เป็นประเทศเล็ก ประเทศไทยจึงอยู่ในสภาพพื้นที่ถูกแย่งชิง ที่ถ้าหากไม่ปรีชาสามารถจริงก็จะรักษาความเป็นเอกราชและความเป็นกลางไว้ไม่ได้
การรักษาความเป็นกลางของประเทศที่ไม่เป็นศัตรูกับใคร และที่สามารถคบหาค้าขายกับทุกประเทศทั่วโลกตกอยู่ในอันตราย และถูกท้าทายคุกคามอย่างรุนแรงมากขึ้นชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประเทศไทยถูกกีดกันไม่ให้คบหาทำมาค้าขายกับประเทศสำคัญ ๆ ของโลก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ และถูกล็อคไว้ให้ติดต่อทำมาค้าขายได้กับไม่กี่ประเทศเท่านั้น ซึ่งเป็นการขัดต่อผลประโยชน์แห่งชาติและทำลายโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง
ที่สำคัญคือประเทศไทยตกอยู่ในสภาพคล้ายกับอยู่ในวงล้อมของฝูงหมาป่าที่หวงกันไว้ไม่ให้ใครคบหาค้าขายหรือช่วยเหลืออะไรประเทศไทยได้ สภาพเช่นนี้ดำรงอยู่นานเท่าใด ประเทศไทยและผลประโยชน์แห่งชาติก็จะถูกบ่อนทำลายเบียดเบียน ถูกครอบงำแทรกแซงเอาเปรียบและง่ายต่อการยึดครองมากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลเซอร์เบียและหลายประเทศในตะวันออกกลางรวมทั้งบางประเทศในยุโรปที่ไม่ต่างกับตกอยู่ในสภาพเป็นเมืองขึ้น เป็นบทเรียนที่จะต้องสำเหนียกและดิ้นรนให้หลุดออกจากวงล้อมเช่นนี้ให้จงได้
สภาพเช่นนี้ประเทศไทยกำลังปิดกั้นตัวเองในการเชื่อมต่อและในการทำมาค้าขายกับกลุ่มประเทศทางด้านเหนือ ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน หรือที่เรียกกันว่ากลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
ประเทศไทยถูกหยุดยั้งไม่ให้เชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมของโลกที่เอื้อโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางโดยทางรถไฟเข้ามายังประเทศไทย และการไปมาหาสู่ของชาวไทยกับชาวโลก ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติอย่างรุนแรงและสาหัสยิ่งนัก
ประเทศไทยถูกกีดกันขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมแผนปฏิบัติการตามปฏิญญาซันย่าทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยได้ลงนามเป็นภาคีในปฏิญญาซันย่าเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนา ทำให้ 5 ประเทศที่เหลือร่วมไม้ร่วมมือกันพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อประโยชน์ของชาติเหล่านั้น โดยประเทศไทยได้แค่ยืนชะแง้แค่ริมแม่น้ำโขงซึ่งแห้งขอด
เป็นการปิดประตูทำมาค้าขายกับ 5 ประเทศทางด้านเหนือและสร้างความเสียเปรียบในการค้าระหว่างประเทศกับ 5 ประเทศทางด้านเหนืออย่างใหญ่หลวง ต้องเสียเปรียบทั้งในเรื่องอัตราภาษีและในเรื่องการคมนาคมขนส่ง
ประชาชนชาวไทยจะต้องตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงนี้และจะต้องผลักดันให้ประเทศไทยมีสิทธิ์มีส่วนและได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อหรือเปิดประเทศทางด้านเหนือเพื่อทำมาค้าขายกับชาวโลกทางบก รวมทั้งการขยายรายได้ด้านการท่องเที่ยวกับทั่วโลกโดยทางบก
ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็เท่ากับว่าประเทศไทยปิดประเทศทางด้านเหนือจนเหลือประตูทางออกอันน้อยนิด และนั่นคือสภาพที่เป็นกึ่งเมืองขึ้นของบางชาติไปแล้ว
เพราะว่าถ้าประเทศไทยไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวและทำมาค้าขายทางบกและทางแม่น้ำโขงกับบรรดาประเทศทั้งหลายที่เชื่อมต่อการคมนาคมทางบกโดยเส้นทางสายไหมก็ดี หรือโดยผ่านลุ่มแม่น้ำโขงก็ดี ก็เท่ากับว่าประเทศไทยถูกปิดพรมแดนด้านเหนือเกือบจะสิ้นเชิง และมีความเสียเปรียบจนไม่สามารถแข่งขันกับใครได้
เพราะประเทศไทยจะเหลือทางออกไปยังต่างประเทศก็เฉพาะทางทะเลที่แหลมฉบัง-มาบตาพุด ซึ่งเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน และจุดนี้ก็จะกลายเป็นแค่ประตูไปยังบางประเทศที่ครอบงำประเทศไทยเท่านั้น
ประเทศไทยมีรายได้หลักจากการส่งออกและการท่องเที่ยว ดังนั้นการขยายบทบาทและเพิ่มศักยภาพของประเทศในการส่งออกและการท่องเที่ยวจึงเป็นผลประโยชน์และเป็นความเป็นความตายของประเทศ
เพราะถ้าประเทศไทยไม่สามารถส่งสินค้าไปขายให้แก่ 5 ประเทศโดยผ่านแม่น้ำโขงและไม่สามารถขนส่งสินค้าทางบกไปยังทั่วโลกโดยเส้นทางสายไหม การส่งออกของประเทศก็จะเสียเปรียบชาติอื่น ๆ และจะทำลายการส่งออกของประเทศถึงรากถึงแก่น และทำลายรายได้ของประเทศ ทำลายการผลิตของประเทศ ทำลายการแปรรูปของประเทศอย่างย่อยยับ
เพราะการค้าขายทางด้านตะวันตกไปยังตะวันออกกลาง อาฟริกาและยุโรปนั้น ถ้าประเทศไทยมีทางออกอยู่แค่แหลมฉบัง-มาบตาพุด ก็จะเสียเปรียบการส่งออกทางด้านพม่า ซึ่งผู้ผลิตทั้งหลายก็จำเป็นจะต้องย้ายฐานไปอยู่พม่า
ส่วนการค้าขายทางด้านตะวันออกไปยังจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ ก็จะเสียเปรียบการส่งออกทางด้านเวียดนาม ซึ่งผู้ผลิตทั้งหลายก็จำเป็นจะต้องย้ายฐานไปอยู่เวียดนาม
สำหรับการค้าขายทางด้านใต้ไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็จะเสียเปรียบการส่งออกทางด้านมาเลเซีย ซึ่งผู้ผลิตทั้งหลายก็จำเป็นจะต้องย้ายฐานไปอยู่ที่มาเลเซีย
แล้วประเทศไทยจะเหลืออะไร?
ส่วนการท่องเที่ยวนั้นกำลังมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยรอบประเทศเพื่อนบ้านให้มีความสะดวกทั้งทางบกและทางอากาศ ในขณะที่ประเทศไทยก็จะเหลือเฉพาะทางอากาศเพราะไม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมได้
จะทำให้รายได้หลักของประเทศจากการท่องเที่ยวซึ่งตกได้แก่คนไทยเกือบทั้งประเทศพินาศย่อยยับสิ้น
ดังนั้นภารกิจในการเปิดประเทศทางด้านเหนือและสองฝั่งฟากมหาสมุทรของประเทศไทยจึงเป็นภารกิจสำคัญและยิ่งใหญ่ของประชาชาติไทยทั้งปวง ที่จะยอมให้ใครมาแทรกแซงข่มเหงบังคับขับไสไม่ได้เป็นอันขาด