'วรวุฒิ'ทยอยเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ'พรรคกล้า' ชี้โลกยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว ต้องปรับตัวเร็ว-ค้าปลีกต้องรวมตัวเพื่อมีอำนาจต่อรอง
นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในงานเสวนา Rethink Retail ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมควงทีมงานเศรษฐกิจของพรรคกล้าร่วมขึ้นเวทีดังกล่าวด้วย ได้แก่ นายโธมัส พิชเยนทร์ หงส์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด และน.ส.ภรณี วัฒนโชติCEO & Co-Founder กรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ฟินแก๊ส จำกัด โดยในงานนี้ เริ่มทยอยเปิดตัวลูกทีมเศรษฐกิจของพรรคให้กับสาธารณะชน บนเวทีอย่างเป็นทางการ
โดยภายในงานมีผู้ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก 50 ท่าน ซึ่งทั้ง 3 ท่านได้มาแชร์ประสบการณ์ ในการ Rethink Retail จากการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา ว่าสามารถปรับตัว และแก้ไขปัญหาพาองค์กรณ์ของตนเองก้าวผ่านพ้นวิกฤติโควิดที่ผ่านมาได้อย่างไร
โดยน.ส.ภรณี ระบุว่า 1.ฟินแก๊ส คือ ตัวอย่างของ digital transformation ในอุตสาหกรรมแก๊สหุงต้ม ที่เป็นอุตสาหกรรมดั่งเดิมมาตลอดระยะเวลามากกว่า 30 ปี ในประเทศไทย
2.ฟินแก๊ส เป็นธุรกิจที่สร้าง double impacts คือ ต้องการยกระดับมาตราฐานอุตสาหกรรมแก๊สหุงต้ม สร้างความยั่งยืนในแง่ธุรกิจ และยกระบบคุณภาพชีวิตของ streetood ผ่านการใช้ alternative credit scoring เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบ ที่อัตราดอกเบี้ยเพียง 36% ต่อปี แทนที่ อัตราดอกเบี้ยนอกระบบที่ 360% ต่อปี (10เท่า)
3.กล้าที่จะยืนหยัดทำในสิ่งที่ (เหมือนจะ) เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้! Make the impossible, Possible!
"ในการเริ่มต้นธุรกิจฟินแก๊ส ก็เหมือนกับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่อื่นๆ ที่หนทางอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ด้วยความคิดของผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ประกอบกับเป้าหมายที่ท้าทาย จนเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้น้อยคนนักจะรับฟัง ในวันที่แทบจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เราคิด สิ่งสำคัญคือ ตัวเราเองที่ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำให้มากที่สุด และมากกว่านั้น คือ พยายามทำมันให้เกิดขึ้นให้ได้"น.ส.ภรณี ระบุ
น.ส.ภรณี กล่าวด้วยว่า ช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำให้หลายคนที่ต้องอยู่กับบ้าน เลยทำให้เกิดโครงการแก๊สถังแรก เนื่องจากทุกบ้านมีการทำครัว ส้มเองก็ได้มีการปรับเปลี่ยน และเพิ่มสินค้า เช่น สายต่อ หัวแก๊ส และยังมีการการเพิ่มมาตรการ
นายโธมัส กล่าวว่า บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด จากเดิมที่เป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าอิเล็กโทรนิคเพียงอย่างเดียวในช่วงที่มีการ Lock down ประเทศไทย บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงได้มีการขยับตัวขององค์กรณ์ รวมทั้งเรื่องของสินค้า ด้วย เพราะทั้งบริษัท เป็นคนรุ่นใหม่ ยังไม่เคยผ่านวิกฤติใหญ่มาก่อน
"สิ่งแรกที่เจอคือการตั้งสติ และรวบรวมความคิดของทุกคน ยอมรับทุกๆ แนวคิดมา และจะไม่มีการบอกว่าความคิดไหนไม่ดี แต่เลือกเอาข้อดีของทุกความคิด จนทำให้เกิดทางออกเพื่อแก้ปัญหาในช่วงเวลานั้น และบอกกับทุกคนในองค์กรณ์ว่า ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ ซึ่งมันต้องผ่านการดำเนินการไปก่อน ทุกอย่างต้องมีการกำหนดเป้า และตัวเลขเพื่อวัดผล โดยอิงกับสถาณะการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงเท่านี้ ก็สามารถขับเคลื่อนองค์กร์ผ่านพ้นวิกฤติที่ผ่านมาได้ และในบางอย่างเราไม่จำเป็นต้องขยายตัวไปแข่งกับรายใหญ่ แต่สามารถสร้างแวลู่ เพื่อมีเอกลักษณ์ ในการขยายฐานลูกค้าของตัวเองได้"นายโธมัส กล่าว
นายโธมัส กล่าวอีกว่า 1.อะไรก็ตามถ้าคุณเชื่อว่ามันเป็นไปได้ มันจะเป็นไปได้ ผมพิสูจน์มาแล้ว 2.ต้องกำหนดเป้าที่ต้องการไปถึงด้วย ไม่งั้นเราจะเค้นศักยภาพของเราออกมาไม่ได้
ขณะที่นายวรวุฒิ อุ่นใจ ระบุว่า พรหมแดนของการแข่งขัน ได้ก้าวข้ามพรหมแดนกันไปแล้ว โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว การแข่งขันในยุคปัจจุบันไม่ใช่การแข่งกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน แต่เป็นการแข่งขันกับความไม่แน่นอนของตลาดและลูกค้า ลูกค้าสามารถซื้ออะไรยี่ห้ออื่นก็ได้บนโลกออนไลน์ ยุคนี้ต้องปรับตัวเร็ว และค้าปลีกต้องรวมตัวกัน เพื่อให้มีอำนาจต่อรอง ทั้งการสั่งสินค้า เพื่อลดต้นทุน