ผู้ใช้เฟซบุ๊ก อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ แสดงความเห็นในฐานะมุสลิมที่มีต่อองค์ พระประมุขของประเทศไทย ที่ทรงรักและให้เกียรติทักศาสนา โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก อะหมัดรอซีดี อิสมัญ อัลอัชอะรีย์
แสดงความเห็นในฐานะมุสลิมที่มีต่อองค์
พระประมุขของประเทศไทย ที่ทรงรักและให้เกียรติทักศาสนา โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม
โดยมีรายละเอียดดังนี้
“ผมขออนุญาตโพสสักหน่อยนะครับ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในประเทศไทยมีหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา ในหลักการของอัลอิสลามแล้ว
ท่านนะบีย์มุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านสอนให้รู้จักบุญคุณคนตอบแทนคน
“เพราะผู้ใดไม่รู้จักขอบคุณมนุษย์ ก็เท่ากับเขาไม่รู้จักขอบคุณอัลลอฮฺเช่นกัน”
(อัลหะดีษ รายงานอิหม่ามดาวูด เลขที่ 4811.)
กษัตริย์ที่ปกครองแผ่นดิน ไม่กดขี่บังคับศาสนาหรืออารยธรรมของชนกลุ่มใด ก็คือพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศไทย พระองค์ท่านมิเพียงไม่บังคับหรือห้ามในศาสนาใดๆแล้ว แต่พระองค์ท่านยังรักและให้เกียรติในทุกศาสนา
โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม ดั่งที่มุสลิมไทยได้ประจักเห็นกันอย่างชัดเจน ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั้นคือ พระองค์ท่านจะทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน “เมาลิดกลางแห่งประเทศไทย” ในทุกๆปี และด้านอื่นอีกมากมายที่พระองค์ท่านทำประโยชน์แก่ชาวไทยมุสลิม นี่คือเนี๊ยะอฺมัตความโปรดปราณจากเอกองค์อัลลอฮฺที่พระองค์ทรงให้มุสลิมไทย ได้มีกษัตริย์ที่ทรงคุณธรรมเช่นนี้
ในยุคสมัยของท่านนะบีย์มุฮัมหมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกเหล่าบรรดาศ่อฮาบะฮ์ในยุคแรกเริ่มของอัลอิสลามในปีที่ 5 หล้งจากท่านนะบีย์ถูกแต่งตั้ง ไดัถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานาจากพวกมุชริกีน(ตั้งภาคีร์)เมืองมักกะฮ์ ท่านนะบีย์จึงมีคำสั่งให้อพยพไปที่เมืองหะบะชะฮ์(เอธิโอเปีย) โดยมีผู้ชายจำนวน 11 คน ผู้หญิง 4 คน ในนั้นประกอบด้วย ท่านซัยยิดินาอุษมาน บิน อัฟฟาน และภรรยของท่านคือท่านหญิงรุก็อยยะฮ์ บุตรสาวของท่านนะบีย์ ซึ่งการอพยบครั้งนี้ถือเป็นการอพยบครั้งแรกของอัลอิสลาม โดยท่านนะบีย์กล่าวว่า
إِنَّ بِالْحَبَشَةِ مَلِكًا لَا يَظْلِمُ عِنْدَهُ أَحَدٌ
“แท้จริงที่เมืองหะบะชะฮ์นั้นมีกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่จะไม่มีใครสักคนถูกเขาฉ้อฉล(คือเขาปกครองแผ่นดินโดยธรรม)”
อิบนุหะญัร อัลอัสก็ลานีย์, ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 7 หน้า 191.
จากหะดีษของท่านนะบีย์ มุสลิมนั้นสามารถอยู่ภายใต้ปกครองของกษัตริย์ที่มีความยุติธรรมที่ไม่ใช่มุสลิมได้ เพราะถ้าศาสนาอิสลามห้าม แน่นอนท่านนะบีย์ก็จะมิทรงใช้ให้บรรดาศ่อฮาบะฮ์ลี้ภัยไป ณ ที่นั้น
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ กษัตริย์แห่งประเทศไทย ทรงความยุติธรรมแก่ศาสนาอิสลาม ให้พี่น้องมุสลิมไทยได้ใช้ชีวิตในหลักการของอัลอิสลามได้อย่างเปิดเผยและสมบูรณ์แบบ ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆที่กดขี่ขมเหงทำสงครามกับมุสลิม เช่นจีนหรือพม่า และประเทศอื่นๆ
ดังนั้น สำหรับพี่น้องมุสลิมไทย จะออกมาเรียกร้องต่อต้านรัฐบาล ก็จงทำไปเถิด ตามความคิดเห็นส่วนตัวของท่าน แต่จงอย่าเลยเทิดไม่รู้จักบุญคุณคน ออกมาต่อต้านระบบการปกครอง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็แล้วกันนะครับ เพราะผมไม่อยากคิดเลยว่าผลเสียที่ตามมานั้นจะเป็นเช่นไรบ้างต่อพี่น้องมุสลิมไทย
วัลลอฮุอะลัม”