สาวโพสต์ งูโผล่กลางส้วมคอนโดฉกลูกน้อย
Facebook ที่ใช้ชื่อว่า Audy punnada Leung-Aram โพสต์เรื่องราวชวนหวาดเสียวที่เกิดขึ้นกับลูกของตัวเองว่า เคยเห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง ตัดสินใจโพสเรื่องนี้แบบละเอียดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ปกครองทุกท่านนะคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่1 สิงหาคม 2563 เวลาตีห้าครึ่ง (ยาวหน่อยนะคะ) เราอาศัยในคอนโดในเมืองค่ะไม่ใกล้ไม่ไกลรถไฟฟ้าย่านพระโขนง อ่อนนุช (ขอยังไปบอกชื่อโครงการนะคะ)
ตอนตีห้าลูกปวดท้องอึ๊ แบบท้องเสีย เลยรีบลุกพาลูกเข้าห้องน้ำและปกติลูกจะชอบนั่งอึคนเดียว ให้แม่มายืนรอหน้าห้อง. วันนี้ ลูกขอเข้าห้องน้ำแบบปิดไฟเพราะง่วงและแสบตาเราก็เลยเปิดไฟห้องนั่งเล่นแทน ให้มีแสงสลัวๆเข้ามาในห้องน้ำค่ะ ตอนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ได้ยินลูกพูดว่าปวดท้องมากแม่เลยเข้าไปดูสภาพอึในโถหน่อย
ก็เห็นอึเหลวๆออกมาเลยจากก้นตามปกติเด็กท้องเสียแต่ในโถส้วม เห็นมีอึที่มีสภาพดูยาวๆมาก. คิดว่าท้องเสียหนัก #เลยกดชักโครกรอบนึงก่อน.ล้างก้นเรียบร้อย. #และกดชักโครกอีกรอบ!(กดชักโครกไปทั้งหมด 2 รอบ ในครั้งแรก) แต่ลูกบอกว่า ยังไม่อยากลุก!เพราะยังปวดท้องอยู่ ขอนั่งเบ่งต่ออีกแป๊บ. โอเคค่ะลูกแม่ออกมายืนรอข้างนอกห้องน้ำอีกรอบ
สักพัก...ลูกบอกว่าอึไม่ออกแล้วค่ะแม่ ง่วงแล้ว แม่เลยเข้าไปจะล้างก้นให้#รอบนี้เปิดไฟห้องน้ำละ ส่องมองในโถส้วมก็เอ๊ะ!
"ไหนบอกไม่อึไงลูกทำไมมีอึออกมายาวๆอีก?"แต่!!!! เราเอะใจแปลกๆ และคิดในใจว่าใช่รึเปล่านะ!!?? เลยตัดสินใจอุ้มลูกขึ้นจากโถส้วมก่อนเลยทันที ขอดูชัดๆโดยด่วนว่ายังไงกันแน่!
ทันใดนั้นเวลาเสี้ยววินาที ขณะที่เราอุ้มลูกออกจากโถ งูก็พุ่งตัวออกมาจากส้วมฉกเข้าที่ก้นของลูก ในขณะที่เรากำลังดึงตัวลูกหนีเราล้มลงบนพื้นห้องน้ำทั้งที่มืออุ้มลูกอยู่ แต่ก็ไม่พ้นค่ะ รู้สึกได้เลยว่าเราดึงลูกออกจากฟันของงูที่เกาะเนื้อก้นของลูกเราสามีได้ยินเสียงกรี๊ดดดลูกโดนงูกัดดดรีบพุ่งตัวออกจากห้องนอนมาช่วยเร็วมาก. -
สิ่งแรกที่ทำเลยคือเราอุ้มลูกขึ้นบ่า ให้หัวลูกสูงๆไว้. เอากระดาษซับเลือดที่ก้น บีบเลือดออกและคว้ากุญแจรถ บอกสามีว่าจะไปโรงพยาบาลทันที. (ไม่แต่งตัวเลยย ไปแบบชุดนอนนี่แหละ).
สามีให้เราวิ่งเอาลูกไปที่รถก่อน#เพื่อเค้าจะเข้าไปดูในห้องน้ำว่างูอะไร?? เราต้องรู้ว่ามีพิษหรือไม่?? แต่งูหนีกลับเข้าคอห่านไปแล้ว.สามีเลยไปบอกให้รปภ. มาสานต่อในการหางูต่อไป และพวกเราก็ดิ่งไปโรงพยาบาลกัน!.
ตอนนั้นตกใจมากบอกตรงๆว่ากลัวลูกเป็นอะไรไปก็เลยบอกให้สามีดูดพิษออกก่อนไม่ว่าจะงูอะไรก็เถอะ..สามีลังเลอยู่แค่ 2 วิ! แต่สามีก็ทำค่ะ ดูดบ้วน ดูดบ้วน ดูดบ้วน สามที ล้างปาก และวิ่งพวกเราก็วิ่งไปขึ้นรถ
ตรงนี้ขอบอกว่า ไม่ควรทำนะคะ เพราะถ้าเป็นงูพิษแบบงูเห่า สามีเราจะตายก่อนเลยค่ะ ในรถ สามีขับไป ชวนลูกคุยไปตลอดทางและบอกลูกตรงๆเลยว่า "หนูถูกงูกัดนะลูก"และถามลูกตลอดว่ามีอาการดังนี้มั้ย มึนหัวมั้ย จะอ้วกมั้ย หายใจไม่ออกรึเปล่า ลูกบอกว่าไม่มีอาการแต่แสบร้อนบริเวณแผลที่ก้น..
ระหว่างทางในรถแม่เปิดก้นลูกไว้ ดูแผลตลอดทาง ว่าแผลแย่ลงแค่ไหน? มีอาการม่วง บวม ช้ำมากขึ้นมั้ย? (สรุปว่าแผลไม่แย่ค่ะ มีแต่เลือดออก) จากบ้านถึงรพ. ใช้เวลาไม่ถึง 20นาทีค่ะ พุ่งไปที่แผนกฉุกเฉิน.โชคดีมากงูที่กัดคือ งูเหลือม ไม่มีพิษถึงชีวิต แต่ก็อาจมีพิษและเชื้อโรคอีกหลายอย่างที่ทำให้ป่วยได้.เช่น เลือดออกไม่หยุด แบคทีเรียกินเนื้อ เป็นต้น
หมอเจาะเลือดไปตรวจตามลิสต์ทุกอย่าง.ให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ และ แอตมิตนอนรพ.ดูอาการ. ตอนนี้ลูกปลอดภัยแล้ว มีแค่ไข้ขึ้นจากการอักเสบของแผลค่ะ และหมอก็ตรวจเลือดเพิ่ม และให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือเป็นระยะๆ. และคอยเช็คว่าแผลอักเสบขึ้นมั้ย
ต้องขอบคุณสามีคือนางสุดมาก สามารถทำให้ลูกไม่เครียดเลยตลอดทาง และลูกร่าเริงมากแม้รู้ว่างูกัดซึ่งนั่นคือสำคัญมากๆ ห้ามให้ลูกเครียดค่ะ......
สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องนี้นะคะ
1. แอลกอฮอล์ขวดใหญ่ๆควรมีติดบ้าน เอาไว้ราดลงคอห่าน หรือราดเข้าปากงู งูจะเกลียด เพราะมันทำให้งูหายใจติดขัด
2. กลางดึก อย่าเข้าห้องน้ำมืดๆ ให้เปิดไฟตลอด
3. งูเหลือม งูหลาม ไม่มีพิษ แต่จะกัดแบบไม่ปล่อยเหยื่อย กัดจนเนื้อเราฉีกขาดได้ ดึงยังไงก็จะดึงไม่ออก.#ให้ราดแอลกอฮอล์เข้าปากงู งูจะปล่อยเราทันที
4. งูไม่มีพิษกัด ก็ต้องรีบไปรพ.เช่นกัน เพราะอาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายมากได้
5. การเอาเชือกมัดปากแผลที่งูกัด / เอาน้ำแข็งประคบ / เอาปากดูดพิษ คือความเชื่อที่ผิดไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นควรทำแค่เอาน้ำล้างแผลถูสบู่แล้วรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดค่ะ ขอให้ผู้ปกครองทุกท่าน ดูแลลูกน้อยกันเป็นพิเศษนะคะ ช่วงนี้อากาศชื้นมาก. ระวังตัวกันไว้ก่อนไม่เสียหายค่ะ