ลึก! ผบ.ทบ.สหรัฐมาไทย เกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ร้อนทะเลจีนใต้ หรือคือสัญญาณเตือน “สงครามเชิงพื้นที่” ประชิดใกล้บ้านเรา
ฟารูก พีรูซอะลี โพสต์ระบุว่าการเผชิญหน้า ของมหาอำนาจ 2 ขั้ว-สหรัฐฯและจีน
เมื่อกองทัพเรือซ้อมรบของสหรัฐอเมริกา และจีน จ่ออยู่ใกล้ประตูบ้านไทยเราอย่างไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา และท่าทีของประเทศเพื่อนบ้านที่แข็งกร้าวต่อการซ้อมรบของจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นจุดขัดแย้งผลประโยชน์ทั้งน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติและก๊าซเหลว พื้นที่พิพาททางทะเลที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้
เมื่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มขี้น ปี 2562 ทะเลจีนใต้ก็ถูกปลุกให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
การที่ประเทศอาเซียน 5 ใน 11 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, บรูไน และ เวียดนาม ล้วนมีปัญหาพิพาทพื้นที่ทางทะเลกับจีนมาอย่างต่อเนื่อง และคุกรุ่นรุนแรงเริ่มขึ้น เมื่อจีนถมทะเลสร้างเกาะเทียมบริเวณ หมู่เกาะสแปรตลีย์(2558) และ ติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร (2561)
ต่อมาเมื่อจีน ใช้นโยบายกระขับมิตรกับอาเซียน และยืนยันนโยบายการแก้ไขข้อพิพาททะเลจีนใต้ โดยยึดถือ “สงวนข้อพิพาท ร่วมกันบุกเบิกพัฒนา ” บนพื้นฐานเคารพข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ด้วยสันติวิธีโดยผ่านการปรึกษาหารือและเจรจา ซึ่งก็ดูจะค่อนข้างได้ผลเพราะตลอดเวลา 5 ปีมานี้ ยังไม่เกิดกรณีกระทบกระทั่งรุนแรงกับประเทศอาเซียน ที่มีข้อพิพาททางทะเลกันอยู่ และเมื่อต้นปี 2563 ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงเทพฯ ได้มีการพิจารณาข้อตกลงระเบียบปฏิบัติ (Code Of Conduct) ในการใช้น่านน้ำทะเลจีนใต้ร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จในอีก 3 ปีข้างหน้า ดูเหมือนว่าความหวังในการจัดสรรลงตัวจะเกิดขึ้น
ความตึงเครียดแผ่ขยายเมื่อสถานการณ์ในฮ่องกงดุเดือด
จุดแตกหักระหว่างมหาอำนาจสองขั้ว สหรัฐและจีน คือเหตุการณ์การชุมนุมของฮ่องกง โดยกลุ่มสวามิภักดิ์ มหาอำนาจตะวันตก และเรียกร้องกลับไปอยู่ใต้อานัติของอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นจากเหตุผลเพื่อประชาธิปไตย และยืดเยื้อจนกระทั่งเกิดการระบาดโควิด-19 และด้วยการสนับสนุนของมหาอำนาจตะวันตก สหรัฐผ่านกฎหมาย“Hong Kong Human Rights and Democracy Act” โดยเสียงสนับสนุนท่วมท้นทั้งสภาคองเกรส และวุฒิสภา เพื่อหักหน้าจีน , และเมื่อจีนประกาศใช้ “กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ฮ่องกง” สหรัฐก็ออกกฎหมายยกเลิกสิทธิพิเศษของฮ่องกงทันที ส่วนอังกฤษ-ออสเตรเลีย ประกาศต้อนรับผู้อพยพจากฮ่องกงที่คัดค้านกฏหมายใหม่ เแต่ในฐานะ วีซ่าประเภทที่ 2 เท่านั้น
ภาพประวัติศาสตร์ ที่นายกรัฐมนตรี, ผู้บัญชาการทหารบกไทย ต้อนรับผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างเรียบร้อยชื่นมื่น
ได้บอกอะไรกับสังคมไทยเรา
1.ท่าทีของสหรัฐและจีน -สหรัฐฯประกาศว่า การที่เข้ามาซ้อมรับในน่านน้ำทะเลจีนใต้นี้ เพื่อ “แสดงจุดยืนว่าด้วยการสนับสนุนเสรีภาพในการสัญจรทั้งทางทะเลและอากาศ ตลอดจนการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถกระทำได้ในเขตน่านน้ำสากล พร้อมยืนยันว่าเรือบรรทุกเครื่องบินระวาง 10,000 ตันทั้งสองลำ และเครื่องบินรบอีก 90 ลำบนเรือดังกล่าว คือสัญลักษณ์ของการแก้ไขความขัดแย้งในภูมิภาคนี้
กองเรือจู่โจมที่ 5 ของเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan และUSS Nimitz ร่วมซ้อมรบในทะเลจีนใต้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.ซึ่งเป็นวันชาติอเมริกา โดยมีทหารเข้าร่วมกว่า 12,000 คน ทั้งสองลำเป็นเรือพลังงานนิวเคลียร์
ส่วนจีน-รัฐบาลจีน เรียกการซ้อมรบครั้งนี้ว่า “ไม่ต่างจากเสือกระดาษหน้าทางเข้าประตูบ้านจีน” และยืนยันว่าจีนมีศักยภาพทางการทหารเกินพอที่จะปกป้องจุดยืนในอธิปไตยของจีนในทะเลจีนใต้อย่างถึงที่สุด ขณะที่กองทัพเรือและเกาะเทียมเต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารพร้อมเต็มพิกัด
2. ท่าทีของสหรัฐต่อประเทศไทย-“ผบ.ทบ.สหรัฐยืนยันที่จะดำรงบทบาทเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างความมั่นคงและผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมีเสถียรภาพ เสรี เปิดกว้างและยั่งยืน”
และเพื่อลงนามร่วมในเอกสารแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ระหว่างกองทัพบกไทยและกองทัพบกสหรัฐฯ รวมทั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเป็นการสานต่อความร่วมมือภายหลังการลงนามระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ได้ลงนามในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมระหว่างไทย – สหรัฐฯ ปี 2563 ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ (Joint Vision Statement 2020 for the Thai – US. Defense Alliance) เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 อันเป็นการยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างกันให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นในน่านน้ำทะเลจีนใต้ซึ่งอยู่ในรัศมีที่ไม่ไกลจากอ่าวไทยของบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นสงครามเย็น หรือสงครามรบเชิงพื้นที่ ประเทศไทยเราย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
รัฐบาล ภาคเอกชนและประชาชนไทยจะเตรียมรับสถานการณ์เบื้องหน้านี้อย่างไร โปรดอย่าได้กะพริบตา!