สงครามโลกครั้งที่3.(เกิดแน่)"สหรัฐฯ จะตั้งฐานทัพที่ไทยเพื่อชนกับจีนจริงหรือ"
สงครามโลกครั้งที่3.(เกิดแน่)"สหรัฐฯ จะตั้งฐานทัพที่ไทยเพื่อชนกับจีนจริงหรือ"
น.อ.สัมฤทธิ์ ทองอินทเขียนบทความระบุว่า ถือว่าเป็นข่าวที่หวือหวาเป็นที่สนใจของนานาชาติและคนไทยไม่น้อย ท่ามกลางการระบาดอย่างหนักของโควิด-19ในสหรัฐฯ และการเผชิญหน้าอย่างรุนแรงระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทะเลจีนใต้เวลานี้ นั่นคือการเดินทางมาเยือนไทยของ พลเอกเจมส์ แมคคอลเวล ผู้บัญชาการทหารบกของสหรัฐฯ (9-10ก.ค.63) มีการคาดหมายไปต่างๆนาๆหนึ่งในนั้นคือเดินทางมาเพื่อเจรจาตั้งหรือรื้อฟื้นฐานทัพสหรัฐฯที่ประเทศไทย..จะจริงหรือ..
1.นับแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่2.โลกของเราได้แบ่งเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายเสรีนิยมนำโดยสหรัฐฯและกลุ่มประเทศแถบยุโรปตะวันตก กับฝ่ายคอมมิวนิสต์นำโดยสหภาพโซเวียตและสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งสองฝ่ายต่างหาพันธมิตรเพื่อเป็นรัฐบริวารจนนำมาสู่ยุคของสงครามเย็น เกิดสงครามตัวแทนโดยต่างฝ่ายต่างสนับสนุนคู่ขัดแย้งในแต่ละประเทศจนเกิดสงครามเกือบทั่วโลก สมรภูมิรบที่รุนแรงจนเป็นที่กล่าวขวัญจนถึงปัจจุบันคือ สงครามที่คาบสมุทรเกาหลี และสงครามเวียดนาม โดยไทยยืนอยู่ฝ่ายเสรีนิยมต่อต้านคอมมิวนิสต์ สหรัฐจึงมาตั้งฐานทัพที่ไทย(อู่ตะเภาและอุดรธานี)
2.การแข่งขันกันสะสมและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เร่งผลิตขีปนาวุธ(จรวดยุคใหม่)ของทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างเข้มข้นเมื่อรวมๆกันแล้วมากกว่า10,000หัวรบ
3.การขับเคี่ยวของสามมหาอำนาจได้มาถึงจุดจบเมื่อสหภาพโซเวียตต้องล่มสลายด้วยนโนบายเปเรสทรอยก้าของมิคาอิลกอร์บาชอฟ เป็นผลให้รัฐบริวารของโซเวียตได้โอกาสตั้งประเทศใหม่ เยอรมันรวมประเทศได้สำเร็จกำแพงเบอร์ลินถูกพัง ด้วยฆ้อน ขวาน จอบ ชะแลงระเบิดไดนาไมด์และรถแบ็คโค
4.ผลจากการล่มสลายของโซเวียตทำให้รัสเซียมีการเลือกตั้งผู้นำจนได้ผู้นำคนสำคัญที่ชื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งประกาศชัดว่าจะนำรัสเซียสู่ความยิ่งใหญ่ของโลกต่อไปด้วยระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมและพัฒนาเทคโนโนโลยีทางทหารให้ก้าวหน้าที่สุด ฝ่ายจีนก็ปรับเปลี่ยนนโยบายด้วยสโลแกนว่า "สี่ทันสมัย"โดยผู้นำที่ทุ่มเทพัฒนานำประเทศจีนสู่ความยิ่งใหญด้วยระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมจนสำเร็จเกินคาดคือ ประธานาธิบดี สี่ จิ้น ผิง
5.จากผลในข้อ4. หากนับย้อนไป10ปีทุกคนทั่วโลกจะทราบว่าทั้งรัสเซียและจีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนากองทัพจนก้าวหน้าทัดเทียมกับสหรัฐและชาติตะวันตกทุกด้าน สินค้าจีนแพร่กระจายไปทั่วโลก ค่าเงินหยวนมีความสำคัญในการแลกเปลี่ยนทุกตลาดโลก ทำให้ค่าเงินดอลล่าห์ไม่ใช่เบอร์หนึ่งของโลกอีกต่อไป ทุนจีนกระจายไปเกือบทุกประเทศ สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนมากขึ้นทุกปี มิหนำซ้ำตลาดค้าอาวุธที่สหรัฐครองตลาดมายาวนานก็ถูกจีนและรัสเซียแย่งส่วนแบ่งไปมากจนอเมริกาเริ่มตระหนักหาทางแก้ไขมาโดยลำดับ เริ่มอย่างจริงจังตั้งแต่สมัยโอบามา ขณะเดียวกันก็หาทางลดอิทธิพลของจีนและรัสเซียด้านการทหารโดยเฉพาะจีนสหรัฐให้ความสำคัญอันดับหนึ่ง โดยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องโดยผู้นำของสหรัฐคนปัจจุบันเร่งดำเนินการทุกวิถีทางจนกระทบไปทั่วโลกทั้งทางเศรษฐกิจและการทหาร ซึ่งจีนก็ตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกันจนเชื่อกันว่ามีแต่จะบานปลายยิ่งๆขึ้น การที่จีนเร่งขยายแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้ ทำให้กระทบกับผลประโยชน์ของสหรัฐอย่างจัง บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ทางทหารของจีน รวมถึงประเทศต่างๆแถบเอเซียและแปซิฟิกก็สะเทือนไปด้วย ซึ่งสหรัฐยอมไม่ได้ จีนก็ยอมไม่ได้เช่นกันเพราะทะเลจีนใต้คือประตูบ้านของจีนจะเห็นได้ว่าในระยะ3ปีที่ผ่านมาสหรัฐพยายามจะปักหมุดรื้อฟื้นฐานทัพในบริเวณเอเซียและแปซิฟิกให้ได้โดยมุ่งมาที่ฟิลิปปินส์รวมถึงไทยและเวียดนาม แม้จะมีฐานที่มั่นคงถาวรในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ออสเตรเลียแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใช่ง่ายดังแต่ก่อนเพราะ
5.1.จีนได้เข้ามามีผลประโยชน์ร่วมทางเศรษฐกิจกับหลายประเทศจนยากจะถอนตัวหรือหยุดยั้งได้
5.2.บทบาทของจีนยังไม่เด่นชัดที่จะคุกคามทางทหารกับบางประเทศโดยตรง...
ฉะนั้นบทสรุป ณ วันนี้จึงได้ว่า... ถึงอย่างไรเสียการเดินทางมาเยือนไทยของ ผบ.ทบ.สหรัฐฯในครั้งยังสรุปไม่ได้ว่าสหรัฐจะมาเจรจาตั้งฐานทัพในไทยเพื่อชนกับจีนหรือไม่ เพราะดูผิวเผินการเดินทางมาไทยในครั้งนี้ก็คือการเดินทางเพื่อแลกเปลี่ยนมิตรภาพกระชับความร่วมมือด้านต่างๆของกองทัพบกทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นการเดินทางในระยะเวลาอันสั้น เฉพาะกองทัพบกเท่านั้น ส่วนการจะมองไปไกลถึงขั้นว่า มาปูทางเพื่อหรือรื้อฟื้นฐานทัพอเมริกาในไทยเพื่อชนกับจีนคงยังไม่ใช่ แต่ลึกๆแล้ว ผบ.ทบ.สหรัฐอาจจะคิดอยู่เหมือนกันเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลอเมริกัน(ซึ่งไทยก็รู้ทันและเข้าใจ) คงอีกนานและไม่ใช่เรื่องง่ายอีกหลายขั้นตอนยุ่งยากพอควรเพราะจีนก็มีผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจจำนวนมากกับไทยเช่นกัน
(บทความโดย น.อ.สัมฤทธิ์ ทองอินทร์ ผู้เขียนหนังสือ สงครามโลกครั้งที่ 3. เล่มแรกเล่มเดียวของประเทศ ที่กล้าลำดับขั้นการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3.ตั้งแต่ต้นจบสงคราม)