กรุงเทพมหานคร ชุมทางอาเซียน ประเทศไทย ศูนย์กลางโลก
กรุงเทพมหานคร ชุมทางอาเซียน
ประเทศไทย ศูนย์กลางโลก
* ศูนย์กลางประชาคมอาเซียน (ASEAN Center)
* ศูนย์กลางการสุขอนามัยโลก (Global Healthcare Hub )
* ศูนย์กลางการคมนาคมและขนส่งสินค้าโลก (Global Logistics Hub)
* ศูนย์กลางครัวโลก.. ครัวไทยสู่ครัวโลก (Global Kitchen Hub)
ทุกคำกล่าวทั้งหมดนี้ หากได้ยินเมื่อสัก 2-3 ปีที่แล้ว อาจจะนึกได้ว่า ผู้ที่เอ่ยคำดังกล่าวคงหลงตัวเองหรือชาตินิยมมากจนเกินไป แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงปัจจุบันนี้ วิกฤตการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เปลี่ยนโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง จากที่โลกเคยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพี่เบิ้มอภิมหาอำนาจโลกตะวันตก มาถึงวันนี้ดุลอำนาจดูจะเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่โลกตะวันออก คือ เอเชีย อันได้แก่ จีน และ อาเซียน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย) ซึ่งสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ของโลก และมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มจะดีขึ้นในช่วงหลังจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้
เรามาดูกันที่ประเทศไทย เริ่มจากกรุงเทพมหานคร ในเวลาอันใกล้นี้ สถานีกลาง บางซื่อก็จะได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการซึ่งจะส่งผลให้ "กรุงเทพมหานคร" เป็นชุมทางรถไฟที่เชื่อมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภาคพื้นทวีปอื่นๆ เข้าด้วยกัน โดยทิศเหนือจะเชื่อมต่อกับรถไฟไทย ลาว และ จีน ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าและเชื่อมการเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งมีประชากรกว่า 1300 ล้านคน และนอกจากจีนแล้วยังเชื่อมต่อกับทางรถไฟสายเฉิงตู - ฟินแลนด์ ทำให้ใช้เวลา และเสียค่าต้นทุนการขนส่งสินค้าไปยังยุโรปน้อยลง (จากปกติทางเรือ 30-45 วัน เหลือเพียงแค่ 15-17 วัน) ทางตะวันตกถึงตะวันออกเชื่อมต่อทางรถไฟเส้นทาง ทวาย-แหลมฉบัง และ คลองเตย-ท่านาแล้ง (เวียงจันทน์)และ แหลม ฉบัง-ท่านาแล้ง (เวียงจันทน์) และในอนาคตจะเชื่อมต่อไปยังระบบรางของประเทศอินเดียและเวียดนาม อันจะส่งผลให้ต้นทุนและระยะเวลา การขนส่งสินค้ายิ่งลดลงอย่างมาก ส่วนทางทิศใต้เราก็มีทางรถไฟสายบางซื่อ-สิงคโปร์ เชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับสิงคโปร์ โดยเฉพาะเมื่อคลองไทยสาย A9 สร้างแล้วเสร็จ เส้นทางนี้จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งของฝั่งยุโรป ซึ่งมีประชากรกว่า 2,900 ล้านคนเข้ากับฝั่งเอเชียตะวันออก ซึ่งมีประชากรไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านคน หรือกว่า 70% ของประชากรโลก ทั้งหมดคือจำนวนประชากรที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ นอกจากนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหลัก สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา (และ บางเลน ในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้) รวมถึงระบบโครงข่ายถนนที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของโลกได้อย่างรวดเร็ว ผลักดันให้ไทยมีศักยภาพโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน
นอกจากการขนส่งแล้ว จะเห็นได้ว่า วิกฤตการณ์ โควิด-19 ครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อม ความปลอดภัย และความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย โดย ช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มีผลการทำวิจัยออกมาว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยดีที่สุดเป็นลำดับที่ 6 ของโลก และ หลังจากการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 แล้วไทยอาจจะได้รับการเลื่อนอันดับไปอยู่ลำดับต้นๆ ของโลก ไม่ 1 ก็ 2 ดังนั้น เม็ดเงินที่จะหลั่งไหลเข้ามาอีกทางหนึ่งคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ การเข้ามาอาศัยระยะยาวของคนวัยเกษียณ ซึ่งไทยมีความพร้อมในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการขึ้นมาได้อีกมากมาย เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการดูแลรักษาสุขอนามัยของโลก
อีกเรื่องที่สำคัญคือ นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก ก็พร้อมที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงผู้คนทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ หากคนไทยรู้จักปรับตัว รู้จักพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆให้มากขึ้น รู้จักปรับปรุงกระบวนทัศน์ทางความคิดให้มีระบบมากขึ้น และรู้จักเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้มากขึ้น ทั้งหมดจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศของเราก้าวไปสู่ศูนย์กลางของโลกอย่างแท้จริงสมดังที่เราท่านมุ่งหวังทุกประการ.
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ เพจ Bangkok I Love You
https://www.facebook.com/BKkILoveYou
เรื่องและภาพโดย #สุริยะเนตรพรรณพนาไพร