ทลายห้างทองดัง พันแก๊งยานรก รวยพุ่งพรวด 3 พันล้าน ชงเชือดฟอกเงิน
ทลายห้างทองดัง พันแก๊งยานรก รวยพุ่งพรวด 3 พันล้าน ชงเชือดฟอกเงิน
"บิ๊กใหม่" สั่งสนธิกำลัง 4 กองบัญชาการ พร้อมชุด "หนุมาน กองปราบ" ทลายเส้นทางฟอกเงินแก๊งยานรก บุกค้นห้างทองดัง ย่านวังบูรพา พบ 4 ปีรวยพุ่งกว่า 3 พันล้านบาท ตร.แกะรอยเส้นทางพบพัวพันเครือข่ายยาเสพติด "แก๊งดาวเรือง" ในภาคใต้ ลุยจับ 10 คณะกรรมการบริษัท หิ้วสอบอ้างขายทองรวย แต่ตำรวจไม่เชื่อ
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องพร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ "หนุมาน กองปราบ" นำกำลังพร้อมหมายค้นเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 12 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, จ.ตรัง, จ.พังงา และ จ.ระนอง เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด "ดาวเรือง" กลุ่มขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้และกรุงเทพฯ มีเครือข่ายอยู่ในเรือนจำตามจังหวัดต่างๆหลายแห่ง หลังพบขบวนการดังกล่าวมีการฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดกว่า 3 พันกว่าล้าน
จากการเข้าตรวจค้นเป้าหมายต่างๆ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ทั้งสิ้นจำนวน 10 ราย ประกอบด้วย 1.นางชมพู หวังเจริญรุ่ง 2.นายกรวิก หวังเจริญรุ่ง 3.นายกนิษฐ หวังเจริญรุ่ง 4.น.ส.เพ็ญวิไล แก้วกาญจน์ 5.น.ส.ขวัญฤทัย นวนนิ่ม 6.น.ส.พัชรี หมวดหรี 7.น.ส.กัลยา ชูสังข์ 8.น.ส.ธัญทิพย์ เพชรเรือนทอง 9.นายธงไชย รัตน์จันทร์ และ 10.น.ส.เบญจมาภรณ์ อาจหาญ ตามหมายจับศาลอาญาข้อหา "ฟอกเงิน" นอกจากนี้ยังอายัดตัวผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำต่างๆอีก 9 ราย แบ่งออกเป็นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 2 ราย, เรือนจำจังหวัดตรัง 2 ราย, เรือนจำจังหวัดพัทลุง 2 ราย, เรือนจำจังหวัดสงขลา 1 ราย, เรือนจำจังหวัดทุ่งสง 1 ราย และเรือนจำจังหวัดหลังสวน 1 ราย เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินดังกล่าว
สำหรับการเปิดปฏิบัติการจับขบวนการฟอกเงินยาเสพติดรายใหญ่ครั้งนี้นั้น สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มี นายปิยรัช นิดคง สมาชิก อบต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ร้องเรียนกองปราบปรามว่า ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 ยิงถล่มบ้านพักถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 23 ก.พ.62 และ 12 มี.ค.62 โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับการทุจริตภายใน อบต.บางดี หลายโครงการ ที่ นายปิยรัช พยายามตรวจสอบและเปิดโปงการทุจริตทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารของ อบต.บางดี บางคนซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงกับว่าจ้างกลุ่มมือปืนมาก่อเหตุดังกล่าว หลังรับเรื่อง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป. ลงพื้นที่สืบหาเบาะแส ก่อนที่ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.จะนำทีมลงพื้นที่จังหวัดตรัง ติดตามจับกุมตัว นายธีระพร ชูเมือง หรือหมี อายุ 40 ปี และ นายณัฐวุฒิ คชแก้ว หรือตูม อายุ 29 ปี พร้อมพวกอีก 10 คน ได้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62
จากการจับกุมครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. ยังได้ขยายผลตรวจสอบประวัติ นายธีระพร อย่างละเอียด หลังพบว่ามีพฤติการณ์เป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ มีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้และกรุงเทพฯ รวมถึงเครือข่ายอื่นๆตามเรือนจำอีกหลายแห่ง โดยมีการลักลอบนำยาเสพติดจากประเทศเมียนมาเข้ามาจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ จ.ตรัง และจังหวัดใกล้เคียงในภาคใต้ โดยมี น.ส.ดาวเรือง สมแสง ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯขณะนี้ เป็นผู้ประสานงานคอยทำหน้าที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดจากเครือข่ายต่างๆ รวมถึงผ่องถ่ายไปยังบัญชีอื่นๆ เจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ ปปง.ช่วยตรวจสอบ
ภายหลังจากการตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวเส้นทางการเงินของ น.ส.ดาวเรือง มีการโอนเงินค่ายาเสพติดเข้า-ออกกับบัญชีอื่นๆมากถึง 113 บัญชี โดยมี 1 บัญชีในจำนวนดังกล่าว เป็นชื่อบัญชีธนาคารของ บจก.ชมพู (บ้วนหลี) ประกอบกิจการเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องทองรูปพรรณ ที่ได้รับโอนเงินจาก น.ส.ดาวเรือง เข้ามาจำนวน 1.5 ล้านบาท และยังมีบัญชีธนาคารอื่นๆของเครือข่าย นายธีระพร โอนเข้ามาอีกหลายล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจสอบผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558-2561 พบว่า บริษัทดังกล่าวมีการเติบโตของรายได้แบบก้าวกระโดดผิดปกติ โดยปี 2558 บริษัทยังมีรายได้เพียง 41 ล้านบาท พอปี 2559 มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 344 ล้านบาท ปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 2,338 ล้านบาท และปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 3,008 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ได้มาจากขบวนการยาเสพติด
เมื่อขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทเพิ่มเติมอย่างละเอียด กระทั่งพบว่า นอกเหนือจากเครือข่ายของ นายธีระพร ที่โอนเงินค่ายาเสพติดมาให้กับทาง บจก.ชมพู (บ้วนหลี) แล้ว ยังมีเครือข่ายยาเสพติดรายอื่นโอนเงินเข้ามายังบริษัทดังกล่าวอีกถึง 5 เครือข่าย รวมเป็นเงินกว่า 580 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารของ บจก.ชมพู (บ้วนหลี) จนนำไปสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ได้ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการขายทองรูปพรรณ ให้กับร้านทองฝั่งประเทศเมียนมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากตามปกติแล้ว การซื้อขายทองระหว่างประเทศนั้น จะเป็นการสั่งซื้อในนามของบริษัทหรือร้านทอง แต่จากการซื้อขายทองตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น กลับเป็นการซื้อขายกันในนามบุคคลที่เป็นชาวเมียนมา อีกทั้งบัญชีธนาคารที่ใช้โอนเงินเข้ามานั้น เป็นของเครือข่ายขบวนการยาเสพติด ประกอบกับตามกฎหมายแล้ว หากมีการทำธุรกรรมซื้อขายทองคำมูลค่าเกิน 7 แสนบาท ร้านทองจะต้องแจ้งรายละเอียดในส่วนนี้ให้กับ ปปง.ทราบ แต่ บจก.ชมพู (บ้วนหลี) กลับไม่มีการแจ้งข้อมูลในส่วนนี้แต่อย่างใด จึงทำให้เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายฟอกเงิน เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับแล้ว ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป