โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการปฏิรูปกองทัพ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนัก
มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกลาโหม ได้จัดกลุ่มภารกิจงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และให้น้ำหนักกับภารกิจของภัยจากสงครามรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยได้ปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของทุกเหล่าทัพให้มีขนาดที่เหมาะสม และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถรองรับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในมิติต่าง ๆ ที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
.
โดยในปี 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนในการปฏิรูปกองทัพและส่งเสริมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ให้นำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวและนำข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาบรรจุรับราชการ เพื่อทดแทนการบรรจุกำลังทหารประจำการ
.
โดยกระทรวงได้ปฏิรูประบบงานกำลังพล โดยตั้งเป้าหมายในการปรับลดอัตรากำลังทหารประจำการลง ด้วยเงื่อนไขไม่เพิ่มจำนวนข้าราชการและงบประมาณ บนพื้นฐานการบริหารจัดการงานหลักๆ ทั้งด้านสมรรถนะ ด้านผลงาน ตลอดจนด้านคุณธรรมและความเป็นมืออาชีพ
.
ความคืบหน้าของการนำระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาใช้ เพื่อลดจำนวนอัตราข้าราชการทหารและแก้ปัญหาความคับคั่งในแต่ละชั้นยศ โดยเฉพาะชั้นยศระดับสูงในอนาคตนั้น ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว เมื่อ ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้รับราชการใน กห.โดยมีตำแหน่งที่มิใช่อัตราทหารและไม่มีชั้นยศ ได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 64 เป็นต้นไป เพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางในกลุ่มลักษณะงานต่าง ๆ เช่น ด้านการแพทย์ ด้านกฎหมาย ด้านการงบประมาณและการบัญชี ด้านครูอาจารย์ นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ ด้านธุรการและอื่น ๆ
.
สำหรับความคืบหน้าการนำกำลังสำรอง เข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวในหน่วยรบและหน่วยสนับสนุนการรบนั้น ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการสัญญาจ้างแล้วตั้งแต่ เม.ย.ที่ผ่านมา และจะดำเนินการสมัครและสอบคัดเลือกครบทุกเหล่าทัพให้เสร็จภายในปีงบประมาณ 63 โดยจะดำเนินการในรูปแบบสัญญาจ้างระยะเวลา 4-8 ปี เพื่อให้ได้กำลังพลสำรองที่มีอายุน้อย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ทดแทนการบรรจุข้าราชการทหารประจำการในหน่วยรบ ซึ่งจะเป็นการประหยัดและลดภาระผูกพันงบประมาณด้านบุคลากรในระยะยาว