กทม. เปิดแผน 11 กิจกรรมคลายล็อกเฟส 4 ร้านอาหารนั่งดริงก์ ห้ามเกินเที่ยงคืน-งดดนตรีสด ส่วนคอนเสิร์ตจัดได้เฉพาะตั๋วนั่งเท่านั้น
14 มิถุนายน 2563 ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุม คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร เพื่อกำหนดมาตรการคลายล็อกดาวน์เฟส 4 ว่า ภายหลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ว่า กทม. ได้พิจารณาผ่อนปรน สถานที่ 11 แห่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน เป็นต้นไป ซึ่งสถานที่ 11 แห่ง ประกอบด้วย
1.โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนนานาชาติ ส่วนโรงเรียนในสังกัด กทม. เปิดได้ 1 กรกฎาคมนี้
2.โรงแรม ศูนย์แสดงมหรสพ การจัดเลี้ยง การจัดประชุม คอนเสิร์ต ต้องมีการจำกัดจำนวนคน และแสกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ โดยการจัดแสดงคอนเสิร์ต และแสดงดนตรีนั้น ต้องเป็นการขายตั๋วนั่งเท่านั้น
3.ร้านอาหาร และเครื่องดื่มทั่วไป สามารถบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ต้องไม่เกิน เวลา 24.00 น. ส่วนผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังไม่อนุญาตให้เปิด
4.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เปิดได้ แต่ต้องจำกัดจำนวน และมีมาตรการเว้นระยะห่าง
5.ศูนย์วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม เช่น ท้องฟ้าจำลอง
6.การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ จำกัดทีมงาน 1 กองถ่าย 150 คน และมีผู้ชมในสตูดิโอ ไม่เกิน 50 คน
7.ร้านนวด สปา (ไม่รวมอาบอบนวด) สามารถนวดตัวและใบหน้าได้ โดยจำกัดระยะเวลาการให้บริการ 2 ชั่วโมง
8.สวนสาธารณะ ลานกีฬากลางแจ้ง อนุญาตให้ออกกำลังกายเป็นกลุ่มได้ ไม่เกิน 50 คน แต่จะต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยก่อนและหลังออกกำลังกาย
9.สนามเด็กเล่น สวนสนุก ยกเว้นบ้านบอล บ้านลม แต่มีการจำกัด เวลาการเล่นไม่เกิน 2 ชั่วโมง
10.สนามกีฬากลางแจ้งและสถานที่ออกกำลังกายเพื่อการแข่งขัน แต่ต้องไม่มีผู้ชมในสนามแข่งขัน โดยในส่วนของสระว่ายน้ำ จะต้องควบคุมจำนวน 8 ตารางเมตรต่อคน
11.ตู้เกม เครื่องหยอดเหรียญ ยกเว้นร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
ทั้งนี้ การจัดงานสัมมนา งานอบรมต่าง ๆ การจัดแสดงสินค้าเปิดตัว (Event) ให้ยึดตามข้อกำหนด โดยไม่มีการจำกัดจำนวนคน แต่ให้ยึดพื้นที่ 4 ตารางเมตรต่อ 1 คน เป็นหลัก ส่วนโรงเรียนในสังกัด รัฐบาล ยืนยัน ว่าจะให้เปิดเรียนพร้อมกันทั้งหมด ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 หากเป็นกรณีโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีจำนวนไม่เกิน 120 คน สามารถเปิดได้ก่อนกำหนด สำหรับ โรงเรียนสังกัดกทม. ที่มีอยู่ทั้งหมด 437 แห่ง เบื้องต้น พบปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ 92 แห่ง จึงมีแนวคิดจะให้นักเรียนชั้น ป.4-ม.6 เหลื่อมเวลาเรียน โดยให้นักเรียนมาเรียนที่โรงเรียน ในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนวันอังคาร และ พฤหัสบดี จะให้เรียนผ่านสื่อออนไลน์ของโรงเรียน