ประเด็นการปล้นร้านค้า และบุกเผาทำลายแหล่งธุรกิจในสหรัฐฯ กลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงขึ้นมาทันที เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามว่ากลุ่มผู้เรียกร้องกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
ล่าสุดคนเอเชียในสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ในความทุกข์ใจ และกังวล เนื่องจากธุรกิจของพวกเขาถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีบุกเข้ามาปล้น และทำลายข้าวของ มีรายงานว่าร้านค้า และธุรกิจของคนเอเชียถูกทำลายใน 6 รัฐของสหรัฐฯ เป็นอย่างน้อย เช่นที่ รัฐมินนีโซตา เมืองชิคาโก นครนิวยอร์ก เมืองโอกแลนด์ เมืองซานฟรานซิสโก เมืองลอสแองเจลิส
.
ตัวอย่างเช่นที่ย่าน Little Tokyo ของชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นในใจกลางเมืองลอสแองเจลิส มีร้านค้าหลายร้านถูกบุกปล้น หนึ่งในร้านที่ถูกปล้นคือ JapanLA โพสต์อินสตาแกรมของร้านบอกว่า
.
"เราสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ Black Lives Matter ฉันเชื่อว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำนั้น (แต่) ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิดและถูกปิดเป็นเวลา 2 เดือน พวกคุณที่บอกว่าเราแค่สร้างขึ้นมาใหม่ และเรามีประกัน ถือเป็นการซ้ำเติมเราตอนที่เราล้มลง"
.
ที่ย่าน Chinatown ของคนเชื้อสายจีนในซานฟรานซิสโกก็ถูกปล้นและทำลายข้าวของเช่นกัน ทั้งๆ ที่ย่านคนเอเชียไม่เกี่ยวอะไรกับการเหยียดผิวคนผิวดำ ตรงกันข้ามคนเอเชียกำลังถูกคนสีผิวต่างๆ เหยียดหยามเพราะกล่าวหาว่าเป็นต้นตอของโคโรนาไวรัส จนธุรกิจต่างๆ ไม่มีคนไปใช้บริการ
.
Dion Lim ผู้สื่อข่าวของ ABC7 ได้โพสต์คลิปกลุ่มจลาจลประมาณ 30 คนที่บุกเข้าไปในร้านคนเอเชียเพื่อปล้นสิ่งของ เธอบอกว่า “ นี่เป็นกลุ่มโจรประมาณ 30 คนบุกเข้าไปในร้านเมื่อช่วงดึก ในย่านที่ธุรกิจประสบกับการขาดทุนเพราะการเหยียดอยู่แล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคร้ายเอามากๆ"
.
ที่เมืองมินนีแอโพลิสต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ มีร้านของชาวเอเชียชื่อ Yuan Yuan Restaurant ถูกทำลาย แต่แล้วมีชายชาวผิวดำคนหนึ่งชื่อ Keivaris Anthony มาถ่ายคลิปที่ร้านซึ่งวอดวายจากการจลาจล จากนั้นถามชายที่คาดว่าเป็นเจ้าของร้านว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์จะตอบ ชายผิวดำจึงหยิบขวดน้ำเลมอนไปโดยไม่จ่ายเงินแล้วพูดจาหยาบคายใส่ จากนั้นเดินหนีไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
.
ก่อนหน้านี้ นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุประท้วงจลาจลในสหรัฐฯ โดยแจ้งว่ามีร้านค้า และธุรกิจที่คนไทยเป็นเจ้าของในนครชิคาโก และนครลอสแอนเจลิส ได้รับผลกระทบหนัก หลังจากผู้ที่อาศัยความรุนแรงของสถานการณ์ทำลายทรัพย์สิน และโจรกรรม
.
นายเชิดเกียรติ กล่าวอีกว่า สถานทูตประจำกรุงวอชิงตัน และสถานกงสุลใหญ่ทั้ง 3 แห่งในสหรัฐฯ ได้แก่ นครนิวยอร์ก นครลอสแอนเจลิส นครชิคาโก ได้ประสานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกับผู้แทนชุมชนไทยต่างๆ ด้วยความห่วงใย
โดยได้ขอให้คนไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐท้องถิ่น ระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ โดยไม่จำเป็น และประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อสถานทูต และสถานกงสุลใหญ่ในกรณีเร่งด่วนฉุกเฉินด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากคนไทยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน สามารถติดต่อได้ทาง Hotline สายด่วน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน (202) 999-7690 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส (323) 580-4222 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก (773) 294-5933 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก (646) 842-0864 หรือทางอีเมล protection@thaiembdc.org