ลูกค้าขอค่าตั๋วคืนแสนล้าน ลั่นยังไม่มีเงินคืน ให้รอไม่มีกำหนด
27 พ.ค.2563 ที่ศาลล้มละลายกลาง ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลได้มีคำสั่งคดีดำ ฟฟ10/2563 กรณีคำร้องขอฟื้นฟูที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เดินทางมายื่นคำร้องขอทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ นัดไต่สวนวันที่ 17 ส.ค. 2563 เวลา 9.00 น.
และอีกประเด็นนอกจากหนี้เดิมของการบินไทยพบว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้โดยสารตั้งคำถาม คือ ค่าตั๋วที่จ่ายไปแล้วนั้น การบินไทย จะทำอย่างไรเนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ธุรกิจการบิน ไม่สามารถทำการได้ปกติ
ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก Warat Wanitwattanakul ได้โพสต์ถึงเรื่องตั๋วที่ได้จ่ายเงินซื้อไปแล้ว ว่า "#วันที่ผมได้เป็นเจ้าหนี้การบินไทย ครบ 60 วันที่ทำเรื่อง refund ตั๋วการบินไทย เป็นตั๋วไปกลับญี่ปุ่น ประมาณ 35,000 บาท ล่าสุดทาง call-center ตอบชัดถ้อยชัดคำว่า
“ตอนนี้มีลูกค้าขอ refund ค่าตั๋วกว่า’แสนล้าน’บาท เรายังไม่มีเงินคืน เพราะยังไม่มีรายได้จากการบิน ต้องรอ’อย่างน้อย’ 180 วัน อย่างช้ายังไม่มีกำหนด ทางเรากำลังจะปรับโครงสร้างหนี้ ตอนนี้ผู้บริหารยังไม่เซ็นอนุมัติจ่าย เราจึงยังไม่สามารถหาเงินมาคืนลูกค้าได้ และไม่สามารถรับปากว่าจะคืนเงินได้เมื่อไหร่..”
ยืนยันว่านี่คือคำตอบจริงที่ได้รับจากสายการบินไทย สายการบินที่เคลมว่าตัวเองเป็นสายการบินแห่งชาติ"
แต่ต่อมารายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า มีผู้โดยสารจำนวนมากของบริษัทขอคืนค่าบัตรโดยสารรวมกว่า 1 แสนล้านบาทว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังคอลเซ็นเตอร์ของการบินไทยพบว่าเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์มีการตอบโต้ละชี้แจงกับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ โดยเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ตอบคำถามคาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ใช้คำพูดที่ไม่ได้กลั่นกรองเพียงพอ โดยพยายามจะสื่อให้ลูกค้าทราบว่ามีผู้โดยสารจำนวนมากที่รอการขอคืนค่าบัตรโดยสาร
ทั้งนี้ ยอมรับว่า หลังจากเกิดปัญหาการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จนทำให้สายการบินทั่วโลกต้องหยุดทำการบิน รวมถึงการบินไทยที่ล่าสุดการบินไทยต้องประกาศหยุดทำการบินเป็นการชั่วคราว 3 เดือน คือ เม.ย.-มิ.ย.2563 นั้น ทำให้ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมามีผู้โดยสารแจ้งขอยกเลิกเที่ยวบินและขอคืนค่าบัตรโดยสารมาจำนวนมาก ราว 50% ของรายได้จากบัตรโดยสารปกติ หรือคิดเป็นเดือนละประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท ทั้งนี้หากคิดรวมตัวเลขขอคืนเงินค่าบัตรโดยสารในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ก็มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นราว 24,000-40,000 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ถึง 1 แสนล้านบาทตามกระแสข่าว