ชาวโซเชียลตามหาลุงแท็กซี่ คืนเดียวกว่า 8 ล้าน อยากรู้ความจริงหลังโดนแฉ
สืบเนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก แป๋ว แว๋ว ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวของทางช่อง ThaiPBS เล่าเหตุการณ์พูดคุยกับคุณลุงขับรถแท็กซี่ท่านหนึ่งที่ปรับตัวมาร่วมโครงการส่งพัสดุ โดยคุณลุงเล่าทั้งน้ำตาชีวิตตอนนี้ลำบาก หาเงินแทบไม่ได้ ค่าข้าวต่อลมหายใจแต่ละวันยังต้องมารอลุ้นว่าจะส่งของได้ไหม กระทั่งต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ได้อัพเดทว่า 15 ม.ย.63 เวลา 8.13 น รบกวนทุกท่านะคะ ขอประกาศ ปิดรับบริจาคเงินช่วยลุงสิทธิชัยนะคะ ลุงแจ้งเจตจำนงค์มา ลุงบอกเพียงพอแล้วค่ะ จะตอบแทนทุกคนด้วยการขยันทำมาหากินต่อไป และลุงจะไปปรับยอดเงินในบัญชี เดี๋ยวแป๋วมาอัพเดทให้รับทราบนะคะ มันหาเงินไม่ได้อีกแล้วหนู ลุงยอมปรับตัวให้อยู่รอด กระทั่งมีน้ำใจหลั่งไหลเข้ามาช่วยคุณลุงถึง 8 ล้านบาท
ล่าสุด นายปรีชา ชุ่มสมบัติอายุ 49 ปีเจ้าของอู่แท็กซี่มังกรเจ้าพระยาที่ลุงสิทธิชัยมาเช่ารถแท็กซี่ขับอยู่ได้เปิดเผยพฤติกรรมว่าเป็นคนโกหกไม่อยากให้ใครโดนอีก เพราะก่อนหน้านี้ลุงและบุตรชายได้มาเช่ารถแท็กซี่ของตนขับทั้ง 2 คนและค้างค่าเช่าตนไว้ประมาณ 1,400 บาท ในส่วนตัวของเขาและค่าค้ำประกันของลูกชายที่ค้างไว้อีก 13,970 บาท รวมแล้ว 2 คนทั้งพ่อและบุตร 14,970 บาท จนปัจจุบันก็ยังไม่ยอมเอาเงินส่วนที่ค้างค่าเช่าไว้มาให้ พอตามไปที่บ้านก็ไม่เจอตัวโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เมื่อวานนี้จึงไปแจ้งความไว้ที่สภ.บางปู
และยังเล่าอีกว่าลุงคนนี้พูดเรื่องไม่เป็นความจริงตรงที่บอกว่าอยู่คนเดียวเพราะจริงๆแล้วอยู่กับบุตรและหลาน ซึ่งบุตรชายก็มาเช่ารถแท็กซี่ที่อู่ตนขับอยู่ทุกคนมีงานทำ แต่ไปหลอกลวงสังคมว่าอยู่คนเดียวไม่มีจะกิน ก็อยากให้สังคมรับรู้ว่าบ้านที่อยู่ก็ไม่ได้เช่าใครเป็นบ้านของเมียเก่าที่เขาให้บุตรชายอยู่ ซึ่งลุงก็อยู่กับบุตรไม่ได้เช่าใครจ่ายแค่ค่าน้ำค่าไฟเท่านั้น
และยังเล่าอีกว่าลุงคนนี้พูดเรื่องไม่เป็นความจริงตรงที่บอกว่าอยู่คนเดียวเพราะจริงๆแล้วอยู่กับลูกและหลาน ซึ่งบุตรชายก็มาเช่ารถแท็กซี่ที่อู่ตนขับอยู่ทุกคนมีงานทำ แต่ไปหลอกลวงสังคมว่าอยู่คนเดียวไม่มีจะกิน ก็อยากให้สังคมรับรู้ว่าบ้านที่อยู่ก็ไม่ได้เช่าใครเป็นบ้านของเมียเก่าที่เขาให้บุตรชายอยู่ ซึ่งลุงก็อยู่กับบุตรไม่ได้เช่าใครจ่ายแค่ค่าน้ำค่าไฟเท่านั้น
ส่วนบุตรลุงก็มีงานทำไม่ได้ย ากไร้อย่างที่ลุงพูด ก่อนหน้านี้ที่ลุงมาเช่ารถแท็กซี่ไปขับพฤติกรรมคือถ้าติดหนี้แล้วไปทวงก็ไม่ได้และไม่มีความรับผิดชอบอย่างรถเสียก็จะไม่รับผิดชอบเลยอ้างอย่างเดียวว่ารถพังเองซึ่งเคยตกลงกันว่าต้องช่วยกันดูแลเพราะรถอยู่กับเขา คำว่าช่วยกันดูแลคือให้ช่วยดูแลรถให้ไม่ได้ให้ช่วยออกเงินค่าเช่าเราก็คิดกะเดียวแบบควงกะวันละ 700 บาท
เมื่อถามว่าทำไมเพิ่งจะออกมาแฉ เจ้าของอู่บอกได้ข่าวว่าตอนแรกที่นายได้รับเงินบริจาคมาแล้วตนไม่อยากออกไปเรียกร้องตอนนั้นเพราะว่าไม่ใช่เรื่องของตนซึ่งก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแหกตาสังคม ตนไม่ได้ไปอะไรเพราะไม่ได้สนใจแต่แค่ต้องการหนี้ที่ติดค้างอยู่
หลังจากที่ข่าวดังกล่าวสะพัดออกไป ทำให้ชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง บ้างก็เข้ามาคอมเม้นต์ว่า บางคนบอกให้แล้วก็อย่าไปคิดมาก มันไม่ใช่นะถ้าไม่ลำบากจริงถือเป็นการหลอกลวงเราบริจาคเท่ากับเราส่งเสริมให้มีการหลอกลวง แล้วมันก็จะมีพฤติกรรมเลียนแบบ จนคนไม่อยากบริจาค คนที่ลำบากจริงก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ เพราะต่อไปคนก็ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนปลอม
บ้างก็เข้ามาคอมเม้นต์ว่า ที่อ่านดูคือเจ้าของอู่ไม่ได้อยากยุ่งอะไรตั้งแต่ทีแรกเพียงแต่ติดหนี้เขาแล้วไม่ยอมจ่ายเขาจึงไปแจ้งความ แล้วไปแจ้งความมันก็ต้องมีสอบถามที่มาที่ไปจนเกิดเป็นเรื่องในข่าว