เกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อไม่ล้างเครื่องซักผ้าเป็นเวลานาน
เชื่อว่าคุณแม่บ้านที่ต้องซักเสื้อผ้าให้เด็กๆ วัยซน ต้องเคยปวดหัวกับปัญหาซักผ้าแล้วคราบสกปรกยังคงอยู่ เนื้อผ้าสีหมอง มีกลิ่นอับ แม้จะพยายามหาสาเหตุและลองเปลี่ยนวิธีการซัก โดยตั้งโปรแกรมซักให้นานขึ้น ปรับโหมดให้ซักแรงขึ้นหรือเปลี่ยนยี่ห้อผงซักฟอกก็ยังพบว่ามีเศษและคราบสกปรกติดกับเสื้อผ้ามาด้วยอยู่ดี
ทราบกันหรือไม่ว่า.. ปัญหาเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเล็กๆ ที่เรามักมองข้ามอย่างการ “ไม่ล้างเครื่องซักผ้า” หรือ “เครื่องซักผ้าสกปรก” ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ถังซักที่เราคิดว่าสะอาดกลายเป็นจุดหมักหมมได้
ตามปกติเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ จะมีโหมดทำความสะอาดเครื่องมาให้ด้วย แต่หลายๆ บ้านไม่เคยใช้และ ไม่เคยล้างถังซัก ด้วยคิดว่าทุกครั้งที่ซักเสื้อผ้าผงซักฟอกน่าจะช่วยล้างถังซักไปด้วยในตัวอยู่แล้ว จึงไม่ จำเป็นต้องล้างอีก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเครื่องมือที่ทำหน้าที่ซักล้างก็สกปรกได้เหมือนกัน และการละเลยไม่ทำความสะอาดจะทำให้ “ที่ๆ สะอาดที่สุด กลายเป็นที่ที่สกปรกที่สุด” นั่นเป็นเพราะ ภายในเครื่องซักผ้า นอกจากถังแสตนเลสและจานหมุนก้นถังที่เราเห็นเมื่อเปิดฝาเครื่องนั้น ยังประกอบ ไปด้วยถังพลาสติกที่ครอบตัวถังแสตนเลสและชิ้นส่วนต่างๆ อีกมากมาย ทุกครั้งที่ซักผ้าคราบสกปรก และสิ่งตกค้างจากเสื้อผ้าจะติดตามซอกตัวถัง บริเวณซีลยางรอบๆ ฝา (กรณีฝาหน้า) ซึ่งจะซ่อนอยู่ใน จุดที่ผู้ใช้งานทั่วไปมองไม่เห็น
สิ่งสกปรกในเครื่องซักผ้ามาจากไหน
- คราบเหงื่อไคล คราบอาหาร ฝุ่นละออง ผิวหนังที่ตายแล้ว ไอน้ำมันจากการประกอบอาหาร ฯลฯ ที่ติดกับเสื้อผ้าในแต่ละวัน ซึ่งจะมีบางส่วนตกค้างสะสมอยู่ภายในถังหลังการซักผ้าในแต่ละครั้ง
- คราบผงซักฝอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือสารเคมีต่างๆ ที่ใช้ในการซักล้าง ตกค้างอยู่ภายในเครื่อง หลังจากซักผ้าเสร็จ
- ตะกอนและหินปูนในน้ำประปาที่เครื่องซักผ้าดูดมาใช้
สิ่งที่เกิดขึ้นจากการไม่ล้างเครื่องซักผ้า
เมื่อสิ่งสกปรกเหล่านี้สะสมเป็นเวลานานๆ จะเต็มไปด้วยคราบตะกอนสีน้ำตาลคล้ายโคลน ซึ่งเป็นแหล่ง หมักหมมเชื้อโรค ขอบยางมีความชื้นทำให้เชื้อราและแบคทีเรียเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เกิดเป็นจุดดำๆ ไม่น่ามอง ซึ่งเป็นหนึ่งสาเหตุให้เกิดกลิ่นอับภายในถังซัก มีคราบสิ่งสกปรก มีกลิ่นอับในใยผ้า เสื้อผ้า หมองเร็ว และอาจมีส่วนทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่ผิวหนังได้
สำหรับวิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้า
ปัจจุบันเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ จะมีโปรแกรมทำความสะอาด ติดเครื่องมาด้วยแต่ก็ยังจำเป็นต้องล้างเองเป็นครั้งคราว โดยการล้างถังเครื่องซักผ้าจะใช้เบกกิ้งโซดา หรือใช้น้ำส้มสายชู ช่วยขจัดคราบสกปรก ขจัดคราบเชื้อรา แต่หากต้องการล้างแบบเต็มรูปแบบให้ สะอาดอย่างหมดจด จำเป็นต้องถอดรื้ออุปกรณ์ มีเครื่องมือทุ่นแรงและมีวิธีการหลายขั้นตอนและต้องรื้อ อุปกรณ์ชิ้นส่วนออกมา ซึ่งโดยปกติความจำเป็นในการล้างถังเครื่องซักผ้า ประมาณปีละ 1-2 ครั้ง
อย่างไรก็ตามการยืดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้า นอกจากการล้างถังซักอย่างสม่ำเสมอแล้ว สำหรับ เครื่องฝาหน้าต้องแง้มฝาหน้าไว้ตลอดเวลาให้อากาศไหลเวียนลดความชื้นข้างใน หมั่นตรวจบำรุงรักษา เครื่อง 2 ครั้งต่อปี และเช็ควัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะการใช้งาน เช่น ตะแกรงกรองผง อย่างน้อย 1 ครั้งต่อปีครับ
อ้างอิงจาก: https://pantip.com/topic/39783310