นักธุรกิจค้าน้ำมันเชื้อเพลิงฝั่งเมียนมาตรงข้ามแม่สอด แจ้งความ ลูกน้องชาวเมียนมา 2 คน หายตัวไป พร้อมเงินสด 16.5 ล้าน และรถยนต์ล่องหน ตั้งแต่เย็นวาน หลัง ถูก จนท.หน่วยงานหนึ่งจับกุมตัว
ตร.ทล.แถลงจับ2 หนุ่มสาวเมียนมาขนเงินสด 16 ล้านบาทเข้าไทย
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 นายจ่อเฮง นักธุรกิจชาวเมียนมา ที่ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง จังหวัดเมียวดี สหภาพเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ตาก ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.จิระศักดิ์ ศรีธรรม รองผู้กำกับสอบสวน สภ.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า ลูกน้องชาวเมียนมา 2 คนชายหญิง พร้อมด้วยรถยนต์ และเงินสด จำนวน 16.5 ล้านบาท สูญหายไปตั้งแต่ เย็นวันที่ 7 เมษายน2563 ที่ผ่านมา โดยได้สูญหายไป และทราบว่า ก่อนหายไป ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งในพื้นที่จังหวัดตาก ที่ประจำอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จำนวน 4 คนได้จับกุมตัวไป ขณะนำเงินสดจะไปธนาคารแห่งหนึ่งในเมืองแม่สอด เพื่อโอนค่าน้ำมันให้กับบริษัท ปตท. ซึ่งขณะหลังเกิดเหตุ ได้ให้คนไปชี้แจ้งที่มาของเงินว่า เป็นเงินที่ทำธุรกิจจากการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และไม่สามารถโอนเงินในฝั่งเมียนมาที่จังหวัดเมียวดีได้ เพราะธนาคารปิด เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงขอแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ และติดตามคน และรถยนต์ของตนเอง พร้อมกับเงินสดมาให้ด้วย
นายจ่อเฮง กล่าวว่า เป็นห่วงลูกน้อง 2 คน ที่มาโอนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวไว้ และสูญหายไปตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา และยังไม่พบตัว จึงไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา กล่าวว่า ทางนายจ่อเฮงได้แจ้งมายังทางสภานักธุรกิจไทย-เมียนมา ซึ่งทราบว่า นายจ่อเฮงเป็นนักธุรกิจเมียนมา และทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย มีปั้มน้ำมันอยู่ที่ จ.เมียวดี และซื้อน้ำมันจากปตท.ของประเทศไทยเป็นประจำ โดยมีการโอนเงินให้ปตท.ประจำ แต่ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ธนาคารที่ จ.เมียวดีปิด และการถือเงินเข้ามาโอนในเขตไทยนั้นถือว่า เป็นประเพณีปฏิบัติมาช้านาน และทางเจ้าของเงินมีเอกสารหลักฐานเรียบร้อยทุกอย่าง การค้าชายแดนกับการถือเงินเข้ามา จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยที่จับกุม ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย หากจับไปแล้ว ต้องส่งคดีให้ สภ.แม่สอด เพื่อให้ทางศุลกากรดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่หายไปแบบนี้
ล่าสุดทางนายจ่อเฮง ได้ให้นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดังของประเทศไทย เตรียมฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ 4 คน ในข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยว และปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งทางนายอนันต์ไชย ได้ไปที่สภ.แม่สอดด้วย
ขณะเดียวกัน กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการสอบสวนกลาง ได้แจ้งข่าวกับสื่อมวลชนว่า พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผู้กำกับการ 5( ผกก.5.) บก.ทล. - พ.ต.ท.ศตวรรษ บุญมี รองผกก.5.บก.ทล. พ.ต.ต.ณฐักฤต กิ่งชัยภูมิ สว.ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล. ได้จับกุมนายเดดไป่อู อายุ 29 ปี และ น.ส.นามิทู อายุ 24 ปี ทั้งคู่เป็นชาวเมียนมา พร้อมของกลางเงินสด(ธนบัตรไทย) ฉบับละ1,000 บาท จำนวน 16,500 ฉบับ รวมเป็นเงิน 16.5 ล้านบาท
โดยจับได้ที่ บริเวณถนนในหมู่บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยตำรวจทางหลวง แจ้งด้วยว่า ชาวเมียนมาร์มา ลักลอบนำเงินสดจากประเทศเมียนมาร์ เข้ามาในประเทศไทย จึงนำกำลัง เข้าทำการตรวจสอบ รถบรรทุกเป้าหมาย ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ทะเบียน BGO IQ- 5686 ขับจากฝั่งประเทศเมียนมา ใช้สะพานข้ามมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ข้ามแม่น้ำเมย เข้ามา ฝั่งไทย เมื่อมาถึงบริเวณถนนในหมู่บ้านวังตะเคียนใต้ ห่างจากด่านศุลการกร 200 เมตร ส่งสัญญาณ สกัดรถให้หยุดเพื่อตรวจสอบ
ผู้ต้องหา ทั้ง 2 คน มีหนังสือเดินทางถูกต้อง ตรวจค้นรถพบถุงพลาสติกสีแดง ซ้อนถุงสีดำ 2 ถุง บรรจุธนบัตรไทย ฉบับละ 1,000 บาท รวม 16,500 ฉบับ คิดเป็นเงิน 16,500,000 บาท ซึ่งทั้งคู่อ้างว่า จะนำเงินทั้งหมดมาฝากเข้าธนาคารกสิกร สาขาแม่สอด จ.ตาก แต่ไม่สามารถนำเอกสารหรือหลักฐานมายืนยันแสดงกับเจ้าหน้าที่ได้
จึงแจ้งข้อหาร่วมกันนำเข้าเงินตราสกุลไทยเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร และนำตัวทั้ง 2 คน พร้อมเงินสดมาสอบสวนที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 ( สทล.1.) กองกำกับการ 5( กก.5 บก.ทล. ) แม่สอด
โดยพล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก. )ได้สั่งการนำชาวเมียนมา ทั้ง 2 คน พร้อมเงินสดของกลาง มา ส่งมอบให้ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4.บก.ป. ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อสืบสวนขยายผลหาที่มาที่ไปของเงินดังกล่าว รวมทั้งให้กองปราบประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง) ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน อีกคดี เนื่องจากเข้าเงื่อนไขฐานความผิด 16 ข้อหา เพื่อหาเส้นทางการเงินอีกทางหนึ่งด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่าในเรื่องนี้ น่าจะเป็นการงัดข้อกฎหมายมาต่อสู้กันทางคดีความระหว่างเจ้าหน้าที่กับเจ้าของเงิน 16.5 ล้านบาท โดยจะเห็นได้ว่ามีการว่าจ้างทนายความชื่อดังมาแจ้งความที่ สภ.แม่สอด เพื่อต่อสู้คดี และจะเอาผิด เจ้าหน้าที่ที่จับกุมชาวเมียนมาที่ขนเงิน