แท็กซี่ติดโควิด ไปถอนฟัน ปกปิดข้อมูล หลังรับคนจากสนามมวย สุดท้าย ทำหมอซวย
ในโลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์จากผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งระบุว่า พบโชเฟอร์แท็กซี่ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไปพบแพทย์ก่อนรักษาฟันโยกเป็นหนอง ปฏิเสธภาวะเสี่ยงทุกอย่าง พอถอนฟันเสร็จเพิ่งจะสารภาพว่าโกหก เพิ่งไปสนามมวยลุมพินี เท่านั้นแหละส่งตรวจเชื้อ พบเป็นโควิด-19 ส่วนทันแพทย์กลายเป็นผู้ป่วยสอบสวนโรค กักตัวอยู่บ้าน เชื่อคนไข้ที่ปกปิดข้อมูล มีอยู่จริงในทุกพื้นที่
ทันตแพทย์ที่ถอนฟัน ซักประวัติอีกครั้งเรื่องความเสี่ยง คนไข้ก็ปฏิเสธ และแอบเห็นคนไข้แต่งตัวเหมือนคนขับแท็กซี่ เลยถามว่า มีรับส่งผู้โดยสารไปกลับสนามมวยบ้างไหม คนไข้บอกเคยไปสนามมวยมาเมื่อ 2 ถึง 3 เดือนก่อน ถามย้ำอีกครั้ง ว่าไปมาเมื่อไหร่ คนไข้บอกก็ตอบแบบเดิม ทันตแพทย์ตัดสินใจถอนฟันให้ เพราะฉุกเฉินและถอนไม่ยาก
พอถอนเสร็จให้กัดก๊อซ คนไข้บอกว่า จริง ๆ เพิ่งไปมาสนามมวยลุมพินี เมื่อ 6 มีนาคม เพื่อนที่ไปด้วยกัน ถูกตำรวจตามมากักตัวหมดแล้ว แต่เค้าไม่โดน เลยขับแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารเรื่อย ๆ 2 – 3 วันที่แล้ว มีไข้ไม่หาย กินยาพาราไข้ลด แล้วมาหาหมอ
ภาพจำลองเหตุการณ์
ตั้งสติขั้นสูงสุดติดต่อเจ้าหน้าที่ให้นำตัวไปตรวจโควิด-19 รอผลวันรุ่งขึ้น วันต่อมา ผลเพาะเชื้อเป็น positve (บวก) ทันตแพทย์กลายเป็นเคส PUI (ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค) เพราะสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยตรง พักงาน กักตัวอยู่บ้าน
นี่คือเรื่องที่เกิดจริง ขนาดเคสที่เร่งด่วน ยังกลายเป็นคนไข้ Covid 19 ที่ปกปิดข้อมูล เคสที่ไม่เร่งด่วน ยิ่งไม่ควรทำ เคส PUI ที่ปกปิดข้อมูล มีอยู่จริงในทุกพื้นที่ อย่าคิดว่าการคัดกรองจะได้ผล 100 เปอร์เซ็น เล่าเพื่อเตือนสติ อนึ่ง ช่วงวันที่ 6 มีนาคม เป็นวันที่มีการจัดชกมวยที่เวทีมวยแห่งหนึ่ง และเกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 จากสนามมวยดังกล่าวไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน และมีชีวิตหนึ่งในนั้นเกิดจากกลุ่มสนามมวยด้วย
ที่มา mgronline
อ้างอิงจาก: mgronline