อนุทิน สะอื้น!! ขอประชาชนมั่นใจรัฐบาล และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้อง สามารถจัดการปัญหาไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน
อนุทิน สะอื้น!! ขอประชาชนมั่นใจรัฐบาล และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้อง สามารถจัดการปัญหาไวรัสโควิด-19 ได้แน่นอน พร้อมยืนยัน สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นปิดประเทศ แต่ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตัวตามมาตรการ Social Distancing
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยหลังร่วมประชุมหารือการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด-19 กับคณะผู้เชี่ยวชาญ ทีมที่ปรึกษา ทีมคณบดี และคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยต่างๆ กว่า 2 ชั่วโมงว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อสรุปมาตรการต่างที่กระทรวงสาธารณสุขเคยบังคับใช้ และหาแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นหากไม่มีการควบคุมที่ดีพอ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นแกนกลางประสานทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด ถึงกว่าร้อยละ 80 ดังนั้นการดูแลรักษา ป้องกัน จึงต้องเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นลำดับแรก และป้องกันไม่ให้ผู้ที่ติดเชื้อ กระจายออกไปสู่พื้นที่ต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชาชนในช่วงที่เชื้อแพร่ระบาดหนัก โดยคนไทยจะต้องรู้จักการเว้นระยะห่างทางสังคมให้มากที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
สำหรับการควบคุมและรักษาผู้ป่วยในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเล็กๆ นายอนุทิน ย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานครอบคลุมและใช้มาตรฐานเดียวกันในการคัดกรองและรักษาผู้ป่วย โดยมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์การแพทย์คอยช่วยคัดกรองผู้ป่วยในพื้นที่ต่างจังหวัดจึงขอให้มั่นใจว่าการดูแลประชาชน ไม่ได้ทำอยู่แค่เฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ส่วนข้อเสนอที่ให้รัฐบาลประกาศปิดประเทศนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า มาตรการที่รัฐบาลใช้อยู่ในปัจจุบันโดยให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ตัดสินใจสั่งปิดสถานที่เสี่ยง ก็ถือเป็นมาตรการที่เข้มงวดที่สุดแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความรับผิดชอบของตัวเราเองแต่ละคน
ระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน นายอนุทิน มีน้ำตาคลอ และกล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่และทีมแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ด้านนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานคณะกรรมการควบคุมโรค กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขทำอยู่นั้นเดินมาถูกทางแล้ว อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ในระยะ 3-4 วันหลังจากนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่มั่นใจว่าสามารถควบคุมได้ สิ่งสำคัญที่สุด จึงเป็นการไม่ออกไปแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า น้ำยาตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการของเครือข่าย 40 แห่งนั้นมีเพียงพอ ส่วนกระแสข่าวน้ำยาขาดแคลนนั้น เป็นเพียงน้ำยาบางตัวที่ใช้เป็นสารสกัดเชื้อบางตัวขาดแคลนเท่านั้น จึงอาจทำให้น้ำยาขาดช่วงไปเพียง 1-2 วัน โดยในวันจันทร์ ที่ 23 มีนาคมนี้ ก็จะมีน้ำยาตรวจอีกหลายตัวเข้ามาในประเทศ เนื่องจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ร่วมมือกับ อย. นำเข้าน้ำยาตรวจเชื้อจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แคนนาดา และยุโรปอีกหลายประเทศ เพื่อมาทดสอบประสิทธิภาพ ซึ่งหลายบริษัทน้ำยาผ่านมาตรฐาน จึงเตรียมจะนำเข้ามาเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ ยังเตรียมเพิ่มจำนวนห้องปฏิบัติการจาก 40 แห่งเป็น 100 แห่ง เพื่อให้สามารถตรวจหาเชื้อได้ทั่วถึง โดยปัจจุบัน โรงพยาบาลรัฐ อาทิ รพ.รามาธิบดี รพ.ราชวิถี ยังสามารถตรวจหาเชื้อได้ตามปกติ ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลรามาธิบดี สามารถตรวจได้วันละ 1,000 เทส กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจได้วันละ 5,000 เทส จึงขอความร่วมมือผู้ที่ไม่มีความจำเป็นหรือไม่เข้าข่ายอาการสงสัย ให้หลีกเลี่ยงการไปขอตรวจหาเชื้อ เพื่อป้องกันน้ำยาที่จะนำไปใช้กับผู้ที่มีความจำเป็นสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์