หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ การเงิน Pic Post
 
Page หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype
 
อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่
 
เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ
 
คำนวณ การเงิน ราคา BitCoin/Crypto
 
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
 
Login เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
 
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของเยอรมัน จิ้งจอกแห่งสนามรบ

1 กันยายน พ.ศ. 2482 ( ตรงกับรัชสมัยในหลวง ร. 8 ) ฮิตเลอร์ สั่งกองทัพนาซีบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบที่เรียกกันว่า Blitzkrieg โลกตะลึงนึกไม่ถึงว่าเยอรมันจะกล้าก่อสงครามขึ้นมาอีกหลังจากแพ้ยับเยินในสงครามโลกครั้งที่ 1

3 กันยายน พ.ศ. 2482 อังกฤษจับมือกับฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมัน กองทัพนาซีอันเกรียงไกรบุกตะลุยโปแลนด์ราบเป็นหน้ากลอง โปแลนด์แตกพ่ายประกาศยอมแพ้ต่อฮิตเลอร์ใน 27 กันยายน พ.ศ. 2482 สงครามเป็นเรื่องของผลประโยชน์ วันรุ่งขึ้น 28 กันยายน สหภาพโซเวียตแอบจูบปากกับฮิตเลอร์ขอแบ่งดินแดนประเทศโปแลนด์เพื่อเข้าปกครองคนละครึ่ง

หลักการสงครามประการหนึ่ง คือ ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ ตำราฝรั่งเรียกว่า Mobility บางตำราใช้คำว่า Agility ทหารนาซีนับหมื่น ทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ทหารช่าง และทหารทุกหน่วยจะหยุดการเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทัพจะต้องรุกไปข้างหน้าบดขยี้ สังหารข้าศึกให้แตกพ่าย   แต่อย่างไรก็ตาม กำลังรบหลักทั้งปวงก็จะต้องหันกลับไปมองส่วนส่งกำลังบำรุง ( Logistics ) ที่จะต้องติดตามกำลังรบหลักมาให้ทัน น้ำมันเติมรถถังเป็นแสนลิตร กระสุนทุกขนาดหนักนับหมื่นตัน อาหารและน้ำสำหรับทหารนับหมื่นนาย ถ้าบกพร่อง ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวจะกลายเป็นแพ้สงครามทันที

ยานพาหนะชนิดหนึ่งที่กองทัพนาซีนำมาใช้ ในสนามรบ ที่คุ้นตาผู้ชมภาพยนตร์ จนกล่าวได้ว่าเห็นทหารเยอรมันที่ไหนจะต้องเห็น มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ที่เปรียบเสมือน ผู้ช่วยพระเอกในสนามรบ

ภาพเก่า..เล่าตำนาน ตอนนี้ขอเปิดเผยข้อมูล มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่ได้รับฉายาว่า จิ้งจอกแห่งสนามรบ

ในปี พ.ศ. 2481 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะระเบิดขึ้น บริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ของเยอรมันทุกยี่ห้อ   สามารถผลิตมอเตอร์ไซค์ออกจำหน่ายรวมกันได้ราวปีละ 200,000 คัน มอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ ซุนดัป         ( Zundapp ) ค่อนข้างโดดเด่น ในฐานะผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่มีฐานะการเงินค่อนข้างมั่นคง เมื่อฮิตเลอร์นำประเทศเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อุตสาหกรรมหนักภายในเยอรมันส่วนใหญ่จึงถูกปรับทิศทางไปสู่การผลิต "ยุทโธปกรณ์ทางทหาร" เป็นหลัก

ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ในยุโรปเพื่อประลองความเร็วกันในหลายสนาม มอเตอร์ไซค์และนักขี่เยอรมันเป็นฝ่ายชนะกวาดถ้วยรางวัลในทุกสนาม ที่โด่งดังทะลุฟ้า คือ มอเตอร์ไซค์ BMW รุ่น 750 cc. ทำความเร็วได้ถึง 173.68 ไมล์/ชม. คนขี่ชาวเยอรมันชื่อ George Meier

นายทหารของเยอรมันที่ไปชมการแข่งมอเตอร์ไซค์ เล็งเห็นว่า มอเตอร์ไซค์ จะเป็นยานรบที่มีประสิทธิภาพในยุทธบริเวณ กองทัพเยอรมันจะต้องนำมาดัดแปลงใช้ประโยชน์ในการทำศึก

ในช่วงเวลานั้น บริษัท BMW บริษัท Zundapp และบริษัท NSU เป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน

กองทัพนาซีนำมอเตอร์ไซค์ ซุนดัป มาติดตั้งตัวถังผู้โดยสารด้านข้างแล้วนำไปทดสอบในภูมิประเทศที่เป็นโคลน ภูเขา ทะเลทราย หิมะ และทางเรียบ ปรากฏผลออกมาว่ามอเตอร์ไซค์พ่วงข้างตอบสนองภารกิจทางทหารได้สมใจนึก กองทัพนาซีไม่รีรอให้เสียเวลา สั่งให้นำมอเตอร์ไซค์ ซุนดัป รุ่น KS-750 มาดัดแปลงเป็นต้นแบบเพิ่มตัวถังด้านข้างแล้วส่งไปให้ลูกน้องฮิตเลอร์   ทุกหน่วยต่างยกนิ้วหัวแม่โป้ให้ว่า ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน

จิ้งจอกแห่งสนามรบ ถูกพัฒนาและดัดแปลงเพิ่มเติมจนกลายเป็นยานรบอเนกประสงค์ ที่โดนใจที่สุดคือ ประหยัดเชื้อเพลิง ลด ลดภาระเรื่องการส่งกำลังบำรุงน้ำมันเชื้อเพลิงในสนามรบ

ในการบุกไปทำสงครามทั่วทวีปยุโรป และในอัฟริกา กองทัพเยอรมันใช้เจ้าจิ้งจอกควบคู่กันไปกับการเคลื่อนที่ของรถถัง ทหารราบและยานยนต์ในทุกสมรภูมิ เจ้าจิ้งจอกเขียวจะทำหน้าที่ นำสาร ส่งข่าว-รับข่าวในสนามรบเพื่อการรักษาความลับได้อย่างคล่องแคล่ว ยานเกราะ รถถังของนาซีไปรบที่ไหนจะต้องมีผู้ช่วยพระเอก มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปด้วยเสมอ   จิ้งจอกแห่งสนามรบจะทำหน้าที่แก้ปัญหาเมื่อต้องการกำลังสนับสนุนเพิ่มเติม นำกระสุนวัตถุระเบิดไปส่ง ใช้เป็นยานพาหนะในการลาดตระเวน ใช้สำหรับผู้บังคับหน่วยบัญชาการในสนามรบประดุจ แก้วสารพัดนึก

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ทางอเมริกาก็ผลิตมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อ Harley-Davidson และยี่ห้อ Indian อังกฤษผลิตยี่ห้อ Triumph ยี่ห้อBSA ยี่ห้อ Norton เบลเยี่ยม ผลิต ยี่ห้อ FN และ ยี่ห้อ Gillet ซึ่งมอเตอร์ไซค์เหล่านี้ยังเป็นของดี มาตรฐานระดับโลกมาจนถึงปัจจุบัน

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หน่วยทหารนาซีกล้าตาย เรียกตัวเองว่า Kradfahrer นำเจ้าจิ้งจอกเขียวพ่วงข้างไปติดตั้งอาวุธหนัก โดยไม่ขอติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันตัวเอง เพื่อทำหน้าเป็นชุดล่ารถถัง( Tank Killer ) เป็นส่วนล่วงหน้านำขบวน และเป็นหน่วยเข้าตีโฉบฉวย และใช้ในทุกภารกิจที่ต้องการความรวดเร็วในการเข้าปฏิบัติต่อข้าศึกและถอนตัวหนี เป็นยานรบที่คล่องแคล่ว โดนใจที่สุดในสนามรบ

กองทัพแดงของโซเวียต ภายใต้การนำของ โจเซฟ สตาลิน ซึ่งในขณะนั้นระแวงฮิตเลอร์จะหักหลัง แอบเห็นเจ้าจิ้งจอกของนาซีทำงานได้ผล จึงแอบสั่งซื้อมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง BMW รุ่น R-75 ผ่านทางประเทศสวีเดน แล้วให้รีบก็อบปี้มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของฮิตเลอร์โดยไม่ชักช้า ไม่ต้องมานั่งวิจัยให้เมื่อยตุ้ม ตั้งชื่อว่า IMZ-Ural M-72  สหภาพโซเวียตหนีไปตั้งโรงงานผลิตไกลโพ้นในไซบีเรีย เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากเยอรมัน ระหว่างสงครามกองทัพแดงของโซเวียตผลิตมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างได้ราว 1 หมื่นคัน เพื่อใช้งานในกองทัพ ( เมื่อสงครามสงบก็ยังผลิตต่อไปจนถึง 3 หมื่นคัน โดยโอนการผลิตไปให้ยูเครน ส่วนโรงงาน Ural ในโซเวียตหันไปผลิตรถยนต์นั่ง )

ความหวาดระแวงของ โจเซฟ สตาลิน กลายเป็นจริงเพราะ 22 มิถุนายน 2484 ฮิตเลอร์ฉีกสนธิสัญญาเป็นพันธมิตรกับสหภาพโซเวียตทิ้งหน้าตาเฉย แล้วส่งกองทัพนับแสนกรีฑาทัพบุกตะลุยโซเวียตแบบบ้าคลั่ง

ขณะที่กองทัพเยอรมันบุกเข้าโซเวียตเพื่อเข้ายึดเมืองสตาลิน กราด วิศวกรของ BMW เดินทางเข้าสู่สนามรบเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหามอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เพราะมีปัญหาน้ำซึมเข้าตัวเครื่องยนต์ได้ง่ายผ่านทางเครื่องกรองอากาศ และปัญหาทรายเข้าไปในห้องน้ำมันเครื่อง ซึ่งวิศวกรได้ออกแบบปรับเปลี่ยนตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ใหม่ ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างจะต้องเจอกับความหนาว – 40 องศาฟาเรนไฮท์ วิศวกรBMW ต้องแก้ปัญหา ใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เย็นจัด และในที่สุดก็แก้ปัญหาเหล่านี้ลุล่วงไปจนได้

ทหารเยอรมันที่บุกเข้าไปในดินแดนโซเวียตเสียชีวิตจากความหนาวเย็น บวกกับพายุหิมะที่แสนทารุณเสียชีวิตเกือบ 1 แสนนาย

ระหว่างกองทัพนาซีทำสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทผลิต Zundapp KS-750 พ่วงข้างให้กองทัพนาซี 18,000 คัน บางส่วนนำไปติดปืนกล MG- 34 เจ้าจิ้งจอกเขียวแสดงความโดดเด่นในสนามรบอย่างน่าประทับใจ

ของดี ต้องมีคนเลียนแบบ กองทัพจีนก็ไม่เคยน้อยหน้าใครในโลก ในช่วงที่จีนแนบแน่นกับโซเวียต เห็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเข้าท่า สวย เก๋ เท่ห์ ทน ราคาถูก จึงขอก็อบปี้ต่อจากโซเวียต แล้วตั้งชื่อว่า Chang Jiang 750 ผลิตออกมาให้กองทัพประชาชนจีนและตำรวจจีนใช้นับล้านคัน

ผู้เขียนไปค้นข้อมูลของ ซุนดัป ( Zundapp ) มาแบ่งปันเพิ่มเติมครับ

บริษัท ซุนดัป ผลิตมอเตอร์ไซค์จำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2464 โดยผลิตรุ่น Z-22 เพื่อใช้งานทั่วไปถูกใจและขายดี ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 จึงเริ่มผลิตรุ่น K เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ใช้งานหนัก ใช้เพลาขับขนาด เครื่องยนต์ขนาด 200-800 cc. ก็ถูกใจขายได้ดีอีกเช่นกัน

ปี พ.ศ. 2479 ซุนดัป เปิดตัวรุ่น KS-500 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ใช้การเปลี่ยนเกียร์ด้วยเท้า

ปี พ.ศ. 2481 ซุนดัป เปิดตัว KS-600 ขนาด 21 แรงม้า 2 สูบ เมื่อได้รับข้อเสนอจากกองทัพนาซี จึงผลิตรถพ่วงข้างรุ่น BW38 ขึ้นมาประกอบ  ตั้งแต่นั้นมา ซุนดัปจึงหันมาผลิตรุ่น KS-750 ที่มีเพลาขับเคลื่อนล้อรถพ่วง ซึ่งกองทัพนาซีสั่งซื้อ 18,000 คัน และได้รับการยกย่องว่าเป็นมอเตอร์พ่วงข้างใช้ในภารกิจทางทหารที่ดีที่สุด   รองลงมาคือ BMW รุ่น R-75 ที่ก็อบปี้ตัวรถออกมาเหมือนของซุนดัป ต่างกันที่เครื่องยนต์เท่านั้น

ผู้เขียนไปค้นข้อมูลของ BMW ที่ใช้เครื่องหมายใบพัดสีฟ้าขาวมาจากไหน มีความเป็นมาอย่างไร ?

ในปี พ.ศ. 2428 ( ตรงกับรัชสมัยในหลวง ร.5 ) วิศวกรสมองเพชรชาวเยอรมันชื่อ Gottlied Daimler และทีมงานชื่อ Wilhelm Maybach นำผลงานการประดิษฐ์เครื่องยนต์เบนซินเครื่องแรกเปิดเผยต่อชาวโลก ผลงานเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก   ต่อมาวิศวกรของบริษัทชื่อ Franz Joseph Popp และ Max Friz ของบริษัทยกระดับไปผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน       ( เครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินปีก 2 ชั้น )  ใช้ชื่อว่าบริษัทว่า Bavarian Aircraft Works

ในเวลานั้นงานผลิตเครื่องยนต์กำลังไปได้สวย แต่ต้องสะดุดเพราะเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมันโดนรุมกินโต๊ะแพ้สงคราม แต่ความอัจฉริยะของเยอรมันไม่หยุดลงตรงนั้น เยอรมันบอบช้ำจากสงคราม ทรัพยากรร่อยหรอเต็มที บริษัทนี้จึงหันมาสร้างมอเตอร์ไซค์ออกจำหน่าย ซึ่งก็โดนใจผู้คนทั้งยุโรปอีก

ย้อนไปในปี พ.ศ. 2462 Bavaria Aircraft Works ดังทะลุฟ้า เมื่อสามารถผลิตเครื่องยนต์ 6 สูบแบบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ติดตั้งบนเครื่องบินปีก 2 ชั้นที่บินขึ้นไปที่ความสูง 32,000 ฟุต นับเป็นสถิติโลก เครื่องยนต์ทำงานราบรื่นแม้ในสภาพที่ออกซิเจนเบาบาง นักบินชื่อ Franz Zeno Diemer นับเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโลกทั้งเรื่องเครื่องยนต์ อากาศยาน และมนุษย์ที่บินขึ้นไปบนฟ้าได้สูงขนาดนั้น

กลับมาที่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างของ BMW ครับ

พ.ศ. 2466 วิศวกร Max Fritz ไม่เคยหยุดคิด นายอัจฉริยะคนนี้สามารถประดิษฐ์เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์แบบลูกสูบเป็นแนวนอนขนาด 486 cc. เกียร์ 3 สปีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ และใช้ระบบเพลาขับแทนการใช้โซ่ เสียงเบา เครื่องไม่กระตุกเวลาเปลี่ยนเกียร์ เรียกกันว่า “ Boxer” ยอดจำหน่ายสูงสุด ผลิตไม่ทันขาย

พ.ศ. 2479 มอเตอร์ไซค์ค่ายใบพัดฟ้าขาวผลิตเครื่องยนต์รุ่น R5 นำระบบไฮโดรอลิกไปติดตั้งในตะเกียบคู่หน้าเพื่อลดแรงกระแทก ใช้เครื่องยนต์ 750 cc. ลูกสูบแนวนอน ติดตั้งซุปเปอร์ชาร์จ กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ไปแข่งที่ไหนแปลงร่างเป็นจรวดทางเรียบ กวาดรางวัลในทุกสนามแข่ง

ในที่สุดมอเตอร์ไซค์ BMW รุ่น R75 ขนาด 745 cc. 26 แรงม้าเลยกลายเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เป็นเครื่งจักรสงครามของกองทัพนาซีที่นำไปใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2

กองทัพเยอรมันใช้มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างในสนามรบมากที่สุด และใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แถมออกแบบได้ สง่างาม บึกบึน มีเสน่ห์ เร้าใจในทุกลีลา มาจนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: http://nipatthonglek.blogspot.com/2018/03/47.html?view=magazine
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 


โพสท์โดย: Somaster
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
จังหวัดในประเทศไทย ที่เคยเกือบถูกยกฐานะให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ประเทศที่มีทองคำสำรองมากสุดของโลกร้านก๋วยเตี๋ยวที่คนไทยไปกินมากที่สุด"ปลาแสงอาทิตย์"ปลาที่น่าสงสารที่สุดในโลกห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่ตั้งอยู่ในภาคอีสานของไทยค่าตอบแทนพนักงานขับรถทัวร์นครชัยแอร์และพนักงานต้อนรับบนรถนักบินอวกาศ ได้เงินเดือนเท่าไหร่สถานที่ท่องเที่ยว ที่คนไทยมาเช็คอินมากที่สุดประโยชน์ของน้ำส้มสายชู มีมากกว่าที่คิด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เด็กๆแทบอ้วก!! หลังพบหนูในซอสงา กลางโรงอาหารสาวขี่จักรยานยนต์ไปทำโอที! หวังนำเงินใช้จ่ายช่วงปีใหม่ กระบะแหกโค้งข้ามเลนชนร่างกระเด็นดับ5 อาชีพ ที่ได้เงินเดือนมากที่ในโลกห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่ตั้งอยู่ในภาคอีสานของไทย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ห้างที่คนไทยไปเดินช็อปปิ้งมากที่สุดพิกัดที่คนไทยตั้ง GPS มามากที่สุดผู้นำประเทศที่รวยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกทำอย่างไร เราถึงจะหั่น หัวหอมได้ อย่างไม่แสบตา ?
ตั้งกระทู้ใหม่