ประวัติศาสตร์การเทครัวสร้างเมือง กับยุทธศาสตร์อีอีซีดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลก
การรักษาความเข้มแข็งของประเทศในสมัยอยุธยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ต้องอาศัยประชากรจำนวนมาก เพราะเป็นยุคที่ต้องทำการรบ ในยุคนั้นอาจดูเหมือนบ้านเมืองมีพื้นที่กว้างใหญ่ แต่จำนวนประชากรมีน้อยนิด จึงต้องทำการเพิ่มประชากรที่เรียกว่ายุทธศาสตร์การเทครัว!!!
ช่วงต้นสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดการขยายตัว ไม่ว่าจะเป็นสยาม ลาว เขมร และมอญ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะแผ่ขยายอิทธิพลครอบคลุมเขมรและมอญ จึงมีการกวาดต้อนรวบรวมคนต่างเชื้อชาติให้มาอยู่ในอาณาเขตสยาม เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรและเสริมความแข็งแกร่งทางการทหาร อย่างเช่นการรบระหว่างสยามกับเวียงจันท์ ในปี 2370 สยามสามารถกวาดต้อนคนเชื้อชาติอื่นมาเป็นประชากรสยามสูงถึง 150,000 คน
ในยุคปัจจุบัน การดึงคนจากประเทศอื่น ๆ ให้เข้ามาเป็นประชากรของประเทศตนก็ยังมีความสำคัญอยู่เช่นกัน แต่ไม่ใช่การกวาดต้อนในลักษณะการนำมาสู้รบเหมือนครั้งอดีต หากแปรเปลี่ยนเป็นการดึงดูดหรือคัดเอาคนเก่ง ๆ จากทั่วโลก มาช่วยเสริมศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศ
เมืองที่สามารถดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลกได้มากที่สุดในยุคนี้เห็นจะเป็น วอชิงตัน ดีซี ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งรั้งอันดับ 1 เมืองที่มีการแข่งขันของผู้มีทักษะสูงที่สุด จากศักยภาพที่ดึงดูดใจและเป็นที่บ่มเพาะผู้ประกอบการ ทำให้เป็นมืองศูนย์กลางของโลก (Talent Hub) โดยวัดจาก Global Cities Talent Competitiveness Index (GCTCI) ที่เป็นการจัดอันดับเมืองที่ดึงดูดคนเก่ง รองลงมาก็เป็นหลาย ๆ เมืองในยุโรปตะวันตก ซึ่งปี 2562 มีโคเปนเฮเกน ออสโล เวียนนา และซูริก ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ
เมืองไทยเองก็มีความจำเป็นต้องดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลกมาให้สัญชาติไทย เพื่อเป็นคนไทย และช่วยกันสร้างประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า แต่คำถามที่สำคัญคือ ประเทศไทยมีอะไรไปดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลกให้มาอยู่เมืองไทย
เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เคยกล่าวไว้ว่า “คนเก่งทั้งโลก เป็นของเรา หากรู้จักใช้คนเก่งทำงาน” ฉันใดฉันนั้น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี คือ แรงดึงดูดใหม่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยมีรถไฟความเร็วสูงเป็นตัวขับเคลื่อนและเพิ่มประตูสู่อีอีซี ผ่าน 3 สนามบิน ให้ความเจริญขยายตัวออกจากกรุงเทพฯ เหมือนกรุงเทพฯ ใหญ่ขึ้น 3 เท่า ซึ่งจะสามารถรองรับคนเก่งที่จะเข้ามาทำธุรกิจ 4.0 ที่ใช้ทักษะระดับสูง ในช่วงจังหวะที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย และประชากรไทยลดลงปีละ 50,000 คน ซึ่งไม่สามารถผลิตคนในประเทศให้มีความรู้และทักษะเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ประเทศจึงต้องใช้แรงงานต่างชาติเข้ามาช่วยผลักดัน ซึ่งไม่ใช่แค่แรงงานประเทศเพื่อนบ้านที่ทำงานในระดับที่ไม่ต้องใช้ความรู้ (unskilled) หากแต่ต้องเป็นแรงงานมีทักษะฝีมือขั้นสูงจากประเทศต่าง ๆ จึงจะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ เหมือนอย่างอเมริกา สิงค์โปร์ และจีน ที่ใช้โปรแกรมดึงดูดคนเก่ง ๆ จากทั่วโลกให้เข้ามาอยู่ในประเทศของตน
ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิด เปิดประตูต้อนรับคนเก่งจากทั่วโลกมาช่วยดึงความเป็นยิ้มสยามกลับมา เพื่อให้พันธุกรรมของประชากรไทยในอนาคตสามารถรองรับยุค 4.0+ เพราะว่าไม่ว่าผมสีไหน ถ้ามีสัญชาติไทย และรักเมืองไทย ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน