ทำไมทศกัณฐ์จึงไม่รวมพันธมิตรเมืองยักษ์ไปกำจัดทัพพระรามพร้อมกันในคราวเดียว?
การที่ทศกัณฐ์ไม่เรียกระดมพลเหล่าญาติมิตรมาร่วมรุมยำกองทัพพระรามให้งอมตั้งแต่แรกเริ่มศึก อาจเป็นเพราะว่า "แรงจูงใจยังมีไม่มากพอ" หากทศกัณฐ์เที่ยวส่งสาส์นเรียกระดมพลพันธมิตรไปตามเมืองยักษ์ต่างๆพร้อมกันทีเดียวอาจมียักษ์หลายเมืองไม่คิดจะเล่นด้วยเพราะเห็นว่า ศัตรูเป็นแค่กองทัพลิง ไม่ใช่ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ควรค่าแก่การเอาชนะและยิ่งไม่สมศักดิ์ศรีให้พวกตนต้องลดตัวลงไปกำจัดตามล้างตามเช็ดให้ นับว่าไม่คุ้มค่าที่จะร่วมลงทุนด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ทศกัณฐ์เองก็จะกลายเป็นฝ่ายเสียเครดิตชื่อเสียงตามไปด้วย
ดังนั้น ในขั้นแรกสุดทศกัณฐ์จึงจำเป็นต้องค่อยๆใช้หลักจิตวิทยามาปลุกระดมประชาชนชาวลงกาของตัวเองก่อน เพื่อสร้างความชอบธรรม และสร้างเอกภาพปลอมๆให้สังคมด้วยการยกเอาความตายของบรรดาพี่น้องวงศ์อสุรพรหมพงศ์ของตนเองมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้เกิดปรากฏการณ์อุปทานหมู่เป็นกระแสดราม่าครั้งมโหฬารเรื่องการสูญเสียบรรดายักษ์ชนชั้นปกครอง ซึ่งเอกภาพปลอมๆที่ทศกัณฐ์สร้างขึ้นได้ทำให้เหล่ายักษ์ประชาชนชาวลงกาแทบจะทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันในการทำสงครามและยินดีเข้าร่วมศึกเองด้วยความสมัครใจ โดยไม่ต้องใช้กำลังบังคับให้เข้าร่วมสู้เลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงจะมียักษ์ชั้นกลางกับยักษ์ชั้นสูงในมหานครลงกาบางตนที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงคราม เช่น มารีศ สุขาจาร ฯลฯ ทศกัณฐ์ก็ยังมีสารพัดวิธีที่จะส่งยักษ์เหล่านั้นไปตายได้อยู่ดีเพราะยักษ์เหล่านั้นก็ยังพึ่งบารมีทศกัณฐ์อยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถคัดค้านกระแสสังคมที่ทศกัณฐ์ชี้นำไปในทิศทางเดียวกันได้เลย
และเมื่อทศกัณฐ์สามารถใช้ความโกรธเกลียดและชิงชังแทรกลงไปในจิตใจปวงประชาเป็นผลสำเร็จ จนทำให้ภายในมหานครลงกาเกิดเอกภาพอย่างปลอมๆขึ้น ขั้นต่อมา ทศกัณฐ์จึงเริ่มขยายผลสู่ภายนอกด้วยการปลุกระดมบรรดาญาติมิตรจ้าวครองนครต่างๆทีละตนก่อน และเมื่อยักษ์พันธมิตรเหล่านั้นพากันไปตายแล้ว ทศกัณฐ์จึงค่อยๆยกเอาความตายจากญาติมิตรเหล่านั้นขึ้นมาเป็นหัวข้อหลักใหญ่ในการใช้อ้างเพื่อปลุกระดมบรรดาพระยายักษ์ที่สูงชั้นขึ้นและมีความอาวุโสมากขึ้นเรื่อยๆทีละน้อย
ทศกัณฐ์สามารถใช้ความตายของบรรดาญาติมิตรที่กองทับถมสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นบันไดให้เหยียบย่ำต่อไป กระทั่งในที่สุด เมื่องบรรดาญาติมิตรซึ่งหลงคารมความดราม่าที่ทศกัณฐ์นำมาเป่าหูได้พากันไปตายจนหมดสิ้นลงแล้ว ความตายจึงวกกลับมากินตัวทศกัณฐ์เองในที่สุด
ทศกัณฐ์นับได้ว่าเป็นนักปกครองที่รู้จักใช้หลักจิตวิทยา ทั้งยังมีคารมคมคาย และวาทะศิลป์ในระดับอัจฉริยะ