สาวใจบุญเล่าเหตุผล ยื่นมือรับเด็ก 2 ขวบถูกพ่อแม่ทิ้ง เคยผ่านชีวิตยากจน มีเงิน 40 ล้าน แต่ถูกผลาญหมดเกลี้ยง
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nicha Cha Cha Nirasawong ได้แจ้งข่าวอันน่าสะเทือนใจว่า “เศร้าใจ…ผัวใหม่ไม่ยอมรับ ฐานะยากจน เอาลูก 2 ขวบมาทิ้ง หน้าสถานสงเคราะห์ จ.ลพบุรี พร้อมจดหมายใจความว่า…“ถึงเจ้าหน้าที่ ดิฉันขออนุญาตยก เด็กหญิงกฤษณา โฉมประเสริฐ หรือน้องออมสิน ให้กับทางสถานสงเคราะห์ดูแลอย่างถาวร
เพราะดิฉันไม่สามารถดูแลได้เด็กคนนี้มีอนาคตที่ดีได้ เนื่องจากมีฐานะยากจน ดิฉันมีครอบครัวใหม่มีที่อยู่ไม่เป็นแหล่ง ส่วนพ่อใหม่ของน้องก็ปฏิเสธไม่รับเลี้ยงไม่ยอมรับน้องเป็นลูก ขอโทษที่ทำแบบนี้ และดิฉันคิดว่ามันเป็นหนทางสุดท้ายที่ดีที่สุด แม่รักลูกนะ แต่แม่มีความจำเป็น”
ต่อมา พ่อแท้ๆ ของเด็กหญิงรายนี้โผล่แสดงตัว แต่แสดงความจำนงค์ว่าไม่ขอรับเด็กหญิงไปเลี้ยงเพราะตนไม่สะดวก ตอนนี้ตนก็มีครอบครัวใหม่จึงเซ็นยินยอมมอบเด็กหญิงให้ทางสังคมสงเคราะห์เป็นผู้ดูแลต่อไป
กระทั่งสาววัย 22 ปี แม่ของเด็กหญิงคนดังกล่าวได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่เมื่อวานขี่มอเตอร์ไซค์ไปลพบุรี เพื่อที่จะพาลูกไปปล่อยไว้ที่บ้านพักเด็กฯ แล้วจากนั้นตนก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาที่บ้านสามี โดยระยะทางจากสุพรรณบุรี ถึงบ้านพักเด็กรวมๆแล้วไปกลับ ประมาณ 300 กม. ส่วนจดหมายดังกล่าว หมายถึงสามีเก่าไม่ใช่สามีคนปัจจุบัน เพราะสามีเก่าทอดทิ้งตนตั้งแต่ท้องลูกได้ 3 เดือน หลังหาว่าไม่ใช่ลูกของเขา ทุกวันนี้ก็ไม่เคยติดต่อกันอีก ตนต้องอยู่คนเดียว ดิ้นรนทุกอย่างจนมาเจอสามีใหม่
ขณะเดียวกันสามีใหม่ของแม่เด็กหญิง ได้เปิดเผยว่า ไม่ได้ปฏิเสธที่จะรับเลี้ยงเด็กตามที่สื่อเสนอข่าวออกไป เนื่องจากเด็กอยู่ที่บ้านตนมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว ญาติตนทุกคนก็เอ็นดูเด็ก โดยระหว่างที่เด็กอาศัยอยู่กับตน ภรรยาตีลูกบ่อยจนตนทนไม่ไหว จึงบอกไปหลายครั้งในทำนองว่าให้พาลูกสาวกลับไปอยู่กับญาติ ซึ่งจะได้ไม่ต้องตีลูกอีก ส่วนสาเหตุที่ภรรยาตนชอบตีลูกสาวนั้น เพราะฝังใจที่ลูกสาวหน้าตาเหมือนสามีเก่าที่ทอดทิ้งไป เมื่อเห็นหน้าจึงโมโหอยากตีลูก
ล่าสุด นางชญาณ์พิมพ์ ชินปิติวงษ์ ประธานมูลนิธิสุขใจ เดินทางมาเพื่อติดต่อกรณีเด็กถูกทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์เด็กลพบุรี ซึ่งนางชญาณ์พิมพ์ เล่าว่า ตั้งเป้าจะรับเลี้ยง 2 ปี ต่อ 1 คน ตอนนี้ก็เห็นว่ามันถึงเวลาแล้ว ตนต้องการรับน้องไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เพราะต้องการแบ่งปันความรักให้กับเด็กรู้สึกอบอุ่น เพราะสงสารเด็ก ตนนั้น เป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว เด็กที่บ้านที่ตนเลี้ยงนั้น ตนเลี้ยงด้วยความรู้สึกของคนเป็นแม่ แต่ก่อนตนเป็นเศรษฐี มีเงินมากมาย จึงอยากจะเปิดบ้านแห่งหนึ่ง เพื่อให้เด็กที่ถูกทอดทิ้งนั้นมาอยู่ด้วยกัน
ต่อมา เมื่อปี 2551 ตนประสบอุบัติเหตุ ต้องผ่าตัด ขณะนั้น สามีของตน ผลาญเงินไปกว่า 40 ล้าน ตนเหลือเงินเพียงแค่ 3 บาทเท่านั้น แต่คนที่มาช่วยเหลือตนนั้น คือลูกๆ ที่ตนเลี้ยงดูมา จากคนที่เคยรวย กลับจน ต้องกินข้าววัด ตนจึงเข้าใจ ว่าความจน มันทำให้คนอ่อนแอ และทำให้คนทำร้ายหรือฆ่าลูกตัวเองได้
เมื่อเห็นจดหมายที่แม่ของเด็กทิ้งไว้แล้ว สำหรับตนนั้น เมื่อเห็นว่าไม่พร้อมเลี้ยง เอามาให้นั้น ถูกแล้ว แต่สิ่งที่ผิด คือการทำร้ายร่างกายลูก ตนเห็นกรณีนี้มามากมายแล้ว โดยที่มูลนิธิมีเด็กในมูลนิธิ 15 คน แต่ละคน คือคนที่ครอบครัวไม่ต้องการ และถูกฆ่ามาแต่ไม่ตาย บางคนถูกแม่กินยาแท้ง แต่ไม่แท้ง พอโตมา ก็ไม่ค่อยปกติ มีปัญหาทางสมอง ซึ่ง ตนก็ดูแลเป็นอย่างดี ดูแลเหมือนแม่ดูลูก พี่ดูแลน้อง เราจะดูแลไปจนตอนที่เด็กสามารถดูแลตัวเองได้ หรือในตอนที่เขาอยากออกไปจากเรา หรือ จนตาย
ทั้งนี้ เรื่องมูลนิธิยืนยันว่าเป็นมูลนิธิที่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะเพิ่งจดทะเบียน และยังได้รับการอนุเคราะห์ เพราะมูลนิธิเริ่มจากการไม่มี และรับประทานข้าววัด จึงมั่นใจได้ว่าจะดูแลเด็กคนนี้อย่างดี และไม่ทอดทิ้งไปไหน