เปิดชีวิต “เจ๊โอว” จากเด็กสลัม อ่านเขียนไม่ได้ ใช้ฝีมือตัวเอง จนประสบความสำเร็จสูงสุดมียอดขายเดือนละล้าน
“เจ๊โอว” หรือ “คุณหมวย แซ่ฉั่ว” โดยปัจจุบันนี้เจ๊โอวอายุ 65 ปี เกิดและเติบโตมาในชุมชนตลาดสามย่าน เจ๊โอวไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป เธอต้องช่วยทางบ้านค้าขายเพราะฐานะยากจน ไม่ว่าจะเป็นผักสด ผลไม้ ขายอาหาร และขนม นั่นเลยเป็นที่มาว่าทำไมเจ๊โอวถึงอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือไม่ได้
“ตอนเด็ก ๆ ลำบากมาก โตมาในสลัม บ้านไม่มีฝาผนัง ไม่ได้เรียนหนังสือ ตั้งแต่เด็กต้องช่วยแม่ทำขนมขายอยู่แถวสามย่าน แต่งงานอายุ 18 ปี ชีวิตหลังแต่งงานไม่ราบรื่น สามีติดเที่ยว กระทั่งครอบครัวต้องพบกับวิกฤต นั่นคือ เป็นหนี้ล้มละลาย ทั้งบ้านเหลือเงินเพียง 200 บาท”
ครอบครัวสามีหาบขายข้าวต้มเป็ด เป็ดพะโล้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 หลังแต่งงานเริ่มเพิ่มเมนูทีละอย่าง 2 อย่าง เช่น หมูกรอบ ผัดหอยลาย หลังผ่านมรสุมลูกใหญ่มาได้ ปี พ.ศ. 2557 เจ๊โอวตั้งต้นชีวิตใหม่ เธอย้ายร้านมาอยู่จุฬาซอย 16
เปิดร้านข้าวต้มพร้อมกับเพิ่มเมนูอีกสารพัด ที่ห้ามพลาด คือ หมูกรอบ ปูไข่ดอง หอยลายผัดพริกเผา คอหมูทอด ปลาตาเดียวทอด ผัดผักกระเฉด เอ็นหมูผัดน้ำพริกเผา ยำปลาเทราต์นอร์เวย์ และเมนูเด็ดที่สร้างกระแสลูกค้าโซเชียลมีเดียแห่มากิน คือ มาม่าโอ้โห สั่งได้หลัง 5 ทุ่มเท่านั้น
“ช่วงแรกที่ย้ายร้านก็ยังไม่คึกคัก โชคดีที่มีลูกค้าประจำตามมา และอาศัยเพิ่มเมนูขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าบอกปากต่อปาก กระทั่งลูกชายคนที่ 3 ทำ “มาม่าโอ้โห” เมนูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่เครื่องสารพัด ไม่น่าเชื่อเมนูธรรมดา ๆ จะสามารถสร้างเรตติ้งร้านให้ดังกระฉูด”
แม้จะเปิดร้านมานานกว่าครึ่งศตวรรษ แต่เจ๊โอว บอกว่า ต้องคอยปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเมนู มาม่าโอ้โห เกิดจากลูกชายทำกินกับเพื่อน ๆ ตอนดูบอล กระทั่งลองทำขาย หนักเครื่อง ใส่หมูสับ หมูกรอบ กรรเชียงปู กุ้ง ปลาหมึกชิ้นโตเนื้อฉ่ำ แต่ละคืนเสิร์ฟไม่ต่ำกว่า 100 หม้อ ใสร้างชื่อเสียงกระฉ่อน ลูกค้าต่างชาติข้ามน้ำข้ามทะเลมากิน
เมื่อถามเจ๊โอว ว่า ทุกวันนี้ร้านดังพอใจแล้วหรือยัง เจ๊ ตอบทันทีว่า มันคงถึงเวลาที่ร้านจะดัง เรามีความตั้งใจ และความพยายาม ลูก ๆ ญาติ ๆ ช่วยกัน ขอบคุณลูกค้าที่เมตตา นับว่าเป็นบุญของทางร้าน
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต เจ๊โอว บอกว่า ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับลูก ๆ เพราะตัวเองอายุเยอะแล้ว มั่นใจว่าลูก ๆ จะทำได้ดี แต่ทั้งนี้ทุกเมนูไม่ได้จดลิขสิทธิ์ใครจะทำเลียนแบบก็ได้ ไม่คิดขยายสาขา เพราะกำลังคนที่มีอยู่ตอนนี้แทบจะไม่พอ ถ้าขยายสาขา กังวลจะคุมคุณภาพไม่ได้ ทุกวันนี้ทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าที่มีอยู่ไม่ต้องรอคิวนานก็พอใจแล้ว