7 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ “เดวิด เบ็คแฮม”
สำหรับสาวกปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากให้พวกเขาเอ่ยชื่อแข้งระดับตำนานขึ้นมาสักคน แน่นอนว่า ปีกรูปหล่ออดีตเจ้าของชุดแข่งหมายเลข 7 อย่าง เดวิด เบ็คแฮม นั้นจะต้องติดท็อปฮิตมาอย่างไม่พลาดแน่
และหากถามคอลูกหนังทั้งโลก โดยไม่สนใจว่าจะเป็นแฟนทีมไหนว่า ใครคือนักเตะที่เปิดบอลจากด้านข้างแม่นที่สุดในโลก รวมถึงยิงฟรีคิกฉมังที่สุดในโลก คำตอบก็ต้องเป็น “เดวิด เบ็คแฮม” คนนี้เท่านั้นจริง ๆ
อย่างที่รู้กันดีว่า เบ็คแฮม นั้นเติบโตขึ้นมาในฐานะเด็กก้นกุฏิ คลาส 92 ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ก็เลือกที่จะพาตัวเองออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ กับมหาอำนาจลูกหนังอย่าง เรอัล มาดริด แบบที่ไม่มีใครในตอนนั้นคาดคิดมาก่อน
แต่เชื่อไหมว่า เด็กผีทุกคนทุกยุคสมัยไม่ว่าจะเกิดทันได้ดู เบ็คแฮม เล่นภายใต้ชุดแข่งของ เร้ดอาร์มี หรือไม่ก็ตาม จะมีความรู้สึกติดตรึงอยู่ในใจเสมอว่า ชายคนนี้ยังคงเป็นตำนานปีศาจแดงที่คุ้นเคยอยู่ดี
วันนี้เรามาทำดูกันหน่อยดีกว่าว่ายังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ เดวิด เบ็คแฮม ที่ไม่เคยรู้อยู่บ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะในฐานะเด็กผีจำเป็นต้องมาเช็คกันก่อนเพื่อน บอกเลย ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ !!
1. เบ็คแฮม กับอาการป่วยทางจิต และการมีตู้เย็น 3 หลัง
แค่เปิดหัวข้อแรกมานี่ ก็น่าจะมีแฟนปีศาจแดงหลายคนหงายหลังแล้ว เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าฮีโร่ของตัวเองนั้นมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับสุขภาพจิตอยู่ นั่นก็คืออาการ “ย้ำคิดย้ำทำ” หรือที่มีชื่อย่อเป็นภาษาฝรั่งว่า “OCD” นั่นเอง
และด้วยเหตุนี้ ทำให้เขาจำเป็นต้องมีตู้เย็นอยู่ 3 หลังเอาไว้ในบ้าน โดยแบ่งไว้ใช้งานเป็น “ใส่อาหารทั่วไป”, “ใส่เฉพาะสลัดผักเท่านั้น” และ “ใส่เฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้น”
นอกจากนี้ เบ็คแฮม ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า เพราะอาการ “ย้ำคิดย้ำทำ” ส่งผลให้เขากลายเป็นคนเสพย์ติดการสักลาย เพราะทำให้รู้สึกถึงการถูกเข็มสักย้ำลงบนผิวหนังของตัวเอง
บางครั้งหากอาการป่วยเกิดกำเริบรุนแรงขึ้นมา เบ็คแฮม ก็มักจะเอาชุดแข่งทั้งของตัวเองและเพื่อนร่วมทีมมาเขวี้ยงทิ้งจนกระจัดกระจายทั่วห้องแต่งตัว แต่ทั้งหมดนั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นร่วมกันกับโรคทางจิตอื่น ๆ คือ “โรคกลัวความชุลมุนวุ่นวาย” และ “โรคกลัวนก” อีกด้วย
2. ฝึกศิลปะการต่อสู้ให้ลูกชายเพื่อเอาไว้ปกป้องลูกสาว
อย่างที่ทราบกันดีว่า เบ็คแฮม นั้นแต่งงานกับ วิคตอเรีย อดีตนักร้องสุดสวยจากวง สไปซ์เกิร์ล และก็ให้กำเนิดลูกชายขึ้นมา 3 คนคือ บรู๊คลีน, โรเมโอ และครูซ กับลูกสาวอีกหนึ่งคนคือ ฮาร์เปอร์
ด้วยความที่ ฮาร์เปอร์ นั้นเป็นสาวน้อยคนสุดท้องของครอบครัว ณ เวลานี้ คุณพ่อเดวิด จึงเกิดความรู้สึกหวงแหนขึ้นมาเป็นพิเศษ กลัวว่าจะมีใครมาทำไม่ดีใส่แก้วตาดวงใจคนนี้ในอนาคต
และพอเด็ก ๆ เริ่มโตขึ้นมาจนทำอะไรได้เองอย่างคล่องแคล่วมากขึ้นแล้ว เบ็คแฮม จึงพาลูกชายทั้ง 3 ไปเข้าโรงเรียนฝึกสอนศิลปะการป้องกันตัวหลากหลายแขนง อาทิ เทควันโด, คาราเต้, ยูโด ฯลฯ
ซึ่งเป้าหมายหลัก ๆ เลยก็คือ อยากให้พี่ชายทั้งสามต่อยตีเก่ง ๆ เพื่อใช้ป้องกันน้องสาวคนสุดท้องนั่นเอง
3. รอยสักเกี่ยวกับครอบครัว
อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้าแล้วว่า เบ็คแฮม นั้นหลงใหลในการสักมากจนถึงขั้นเสพย์ติด ฉะนั้นเราจึงได้เห็นคนพูดถึงการเติมลวดลายลงบนผิวหนังของตัวเองตามหน้าสื่ออยู่เสมอซึ่งจนถึงปัจจุบันก็น่าจะมีมากกว่า 20 แบบเข้าไปแล้ว
และแน่นอนว่าจะต้องมีลายที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวตัวเองอยู่ด้วย โดยอันที่โดดเด่นสุด ๆ ก็คือรูปของ วิคตอเรีย เบ็คแฮม ภรรยาสุดที่รักนอนเอนกายอย่างสวยงาม
นอกจากนี้ก็จะเป็นชื่อของลูกชายทั้งสาม บรู๊คลีน, โรเมโอ, ครูซ รวมถึง ฮาร์เปอร์ สาวน้อยคนสุดท้องด้วยเช่นกัน
“รอยสักเกือบทุกลายบนร่างกายของผมนั้นต่างมีความหมายเฉพาะตัว และมันสำคัญกับความทรงจำของผมทั้งหมด” เบ็คแฮม ได้กล่าวไว้
4. รูปจำลองของ “เดวิด เบ็คแฮม” ในเมืองไทย !
รู้หรือไม่ !? ว่าใน “วัดปริวาสราชสงคราม” ย่านพระราม 3 กรุงเทพมหานคร บ้านเรานี่เอง มีรูปปั้นของตำนานลูกหนังชื่อดังอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ถูกสร้างเอาไว้ด้วยเช่นกัน
โดยวัดนี้มีคอนเซปท์คือ ท่านเจ้าอาวาสจะให้อิสระแก่ช่างปูนปั้นที่มีสร้างงานศิลปะอย่างเต็มที่ และช่วงที่รูปปั้น เบ็คแฮม ถูกทำขึ้นก็ไม่ใช่ว่าจะมีคนในวัดรู้เลย จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเห็นเข้า ก่อนเอาไปบอกต่อจนกลายเป็นที่เฮฮาทั่วโลกภายหลัง
นอกจากนี้ที่ประเทศอื่น ๆ อาทิก็มีการสร้างรูปจำลองของ เบ็คแฮม ขึ้นมามากมายไม่ว่าจะเป็นหุ่นขี้ผึ้งแบบครบทั้งครอบครัวในพิพิธภัณฑ์ มาดาม ตุสโซ ที่อังกฤษ รวมถึงช็อคโกแล็ตยักษ์ที่ถูกปั้นเป็นตำนานฟรีคิกคนนี้อยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ยังเคยมีมาแล้วเช่นกัน
5. เรื่องลับ ๆ จากปากเมีย !
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน วิคตอเรีย เคยออกมาแฉเรื่องลับ ๆ สุดฮาของสามีตัวเองผ่านรายการทีวีว่า ชอบแอบหยิบเอากางเกงชั้นในของเธอไปใส่จนถูกเพื่อนร่วมทีมล้อกระจายมาแล้ว
นอกจากนี้ อดีตนักร้องคนสวยยังบอกอีกด้วยว่า เคยเรียก เบ็คแฮม ด้วยชื่อเล่นสุดน่าอายว่า “เจ้าไข่ทองคำ” โดยเริ่มมาจากวันที่สามีได้รับรางวัล รองเท้าทองคำ มาครองนั่นเอง
6. เดวิด เบ็คแฮม กับ บาร์เซโลนา
เห็นหัวข้อแล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า เห้ย เขาเป็นนักเตะของ เรอัล มาดริด นะ แล้วจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับ บาร์เซโลนา ได้อีกหากไม่ใช่การแข่งขันในศึก เอล กลาซิโก้
แน่นอนว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับช่วงที่ เบ็คแฮม ค้าแข้งกับ มาดริด เลยแม้แต่น้อย เพราะเราจะย้อนกลับไปไกลกว่านั้น นั่นคือสมัยที่จ้าวฟรีคิกคนนี้มีอายุเพียงแค่ 12 ปี
ขณะนั้น เจ้าหนูน้อยเดวิด เป็นผู้ชนะในรายการ เซอร์บ็อบบี ชาร์ลตัน อวอร์ด จนได้รับสิทธิ์ให้มาฝึกฟุตบอลกับทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลนา เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่านี่คือหนึ่งในความทรงจำที่มีค่าสุดของตัวเอง
และหลังจากนั้น เบ็คแฮม ได้กลับมาเยือนสนามคัมป์นูอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศ ศึกยูฟา แชมเปียนส์ลีก โดยมี บาเยิร์น มิวนิค เป็นคู่แข่ง
ซึ่งแมตช์ดังกล่าวเขาคือผู้เปิดลูกเตะมุมให้ทั้ง เชอร์ริงแฮม และ โซลชาร์ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายช่วงท้ายเกม จนคว้าแชมป์บิ๊กเอียร์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ในที่สุด
7. เคยเล่นฟุตบอลให้กับ 7 ทีมตลอดเส้นทางลูกหนัง
ในความรู้สึกของเรานั้น มันค่อนข้างจะชัดเจนว่า เบ็คแฮม นั้นเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยย้ายทีมบ่อยเท่าไหร่นัก เพราะเหมือนบนหน้าผากของเขามีคำว่า “ผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด” แปะหราเอาไว้อยู่เสมอ
แต่ความเป็นจริงแล้ว ชายคนนี้มีประสบการณ์ค้าแข้งมาแล้วมากถึง 6 สโมสรคือ แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, แอลเอ กาแล็คซี, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เปรสตัน นอร์ทเอนด์ สมัยถูกส่งยืมเมื่อปี 1994-95 นั่นเอง
อ้าวไหนบอกว่า 7 ไง นับ ๆ ดูแล้วก็มีแค่ 6 เองนี่
ฮั่นแน่ อย่าลืมว่ายังมี ทีมชาติอังกฤษอยู่อีกหนึ่ง ทีนี้ก็ครบ 7 ทีม 7 ชุดแข่งที่ เดวิด เบ็คแฮม คนนี้เคยสวมใส่มาตลอดเส้นทางค้าแข้งของตัวเองแล้ว คำถามคือมีผู้อ่านคนไหนซื้อตามจนครบบ้างไหมเนี่ย !?












