ไม่ดื่มเหล้าแต่เมา แล้วเป็นโรคตับ
คนจีนวัย 27 ปีผู้หนึ่งที่ป่วยด้วยโรคประหลาด โดยมีอาการมึนเมาอยู่เสมอทั้งที่ไม่ได้ดื่มสุรา ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า แบคทีเรียในลำไส้บางชนิดสามารถผลิตแอลกอฮอล์ออกมาในปริมาณมาก จนทำให้บางคนต้องเมามายโดยไม่ได้ตั้งใจ และยังต้องล้มป่วยเป็นโรคไขมันพอกตับแบบที่ไม่ได้เกิดจากพิษสุรา (NAFLD) อีกด้วย
ภาวะที่บางคนมีอาการมึนเมาและป่วยเป็นโรคตับเหมือนคนติดสุรา ทั้งที่ชีวิตจริงไม่เคยได้ดื่มสักหยดเลยนั้น เคยมีการค้นพบครั้งแรกช่วงทศวรรษ 1940 โดยเรียกว่า "กลุ่มอาการร่างกายบ่มสุราได้เอง" (Auto-brewery Syndrome - ABS) ถือเป็นโรคที่พบได้ยากและเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในลำไส้ ซึ่งยีสต์จะเปลี่ยนอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่กินเข้าไปให้กลายเป็นเอทานอล (Ethanol) หรือแอลกอฮอล์ชนิดดื่มได้ปริมาณมากออกสู่กระแสเลือด
นายแพทย์ จิง หยวน หนึ่งในทีมผู้วิจัยบอกว่า การที่ร่างกายสามารถบ่มสุราได้เองเช่นนี้ ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มอาการ ABS ได้รับแอลกอฮอล์อยู่เป็นประจำ ซึ่งส่งผลทำลายสุขภาพตับเหมือนกับในกลุ่มคนที่ดื่มหนัก "กรณีของชายคนดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของแบคทีเรียในลำไส้ว่า อาจเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคตับ NAFLD ขึ้นได้" นพ. หยวนกล่าว
ทุกคนควรรักษาสุขภาพด้วยนะคะ