จลาจล ๒๖ศพ แค่ตร.จับแท็กซี่จอดรถในที่ห้ามจอด กลายเป็นจลาจลที่รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
จลาจล ๒๖ ศพ ไม่น่าเชื่อ แค่ตำรวจจราจรจับแท็กซี่จอดรถในที่ห้ามจอด กลายเป็นจลาจลที่รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และเซ่นด้วยชีวิตคนไปถึง ๒๖ ศพ แต่ก็เกิดขึ้นมาแล้วในกาลครั้งหนึ่ง /โดย เรียงร้อยเรื่องเก่า เล่าตำนาน
สาเหตุเริ่มเมื่อ ๑๙.๔๕ น. ของวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๑๗ ตำรวจจราจร ๒ นายของ สน. พลับพลาไชย ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาแถวโรงภาพยนตร์พัฒนากร ถนนเจริญกรุง พบแท็กซี่คันหนึ่งจอดแช่รอผู้โดยสารอยู่ในที่ห้ามจอด จึงบอกให้เคลื่อนย้าย แต่แท็กซี่ผู้นั้นซึ่งต่อมาทราบชื่อว่า นายพูน ล่ำลือประเสริฐ หรือ แซ่หลู่ วัย ๕๐ ยังมีอารมณ์ค้างที่ถูกจับเรื่องเดียวกันนี้มาแล้วเมื่อตอนเช้า จึงไม่ยอมเลื่อนรถ และล็อคประตูไว้ไม่ให้เปิด ตำรวจ ๒ นายนั้นจึงวิทยุเรียกเพื่อนตำรวจมาช่วย พอ ตำรวจมาสมทบเป็น ๔ นาย นายพูนเห็นว่า ถ้าขัดขืนต่อไปคงถูกทุบกระจกแน่ จึงยอมให้ควบคุมตัวไปโรงพัก แต่ปากก็ตะโกนไปตลอดทางว่า
“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย... ตำรวจซ้อม!”
คำนี้โดนใจคนไม่น้อย จึงมีคนตามไปที่โรงพักเป็นขบวน และบอกต่อ ๆ กันไป จนมีคนออแน่นหน้าโรงพักถึง ๒,๐๐๐ คนเศษ ในจำนวนนี้ นอกจากจะมีไทยมุงคนชอบดูแล้ว ยังมี แท็กซี่ สามล้อเครื่อง อันธพาล คนค้าของผิดกฎหมาย ซึ่งล้วนแต่เป็น ‘ขาประจำ’ ของตำรวจ ทั้งนั้น
พ.ต.ท. ชัชวาลย์ สุมาวงศ์ สวญ. สน. พลับพลาชัย เขต ๒ เห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ จึงขอให้นายพูนออกไปพูดความจริงกับประชาชน แต่แท็กซี่เจ้าปัญหากลับตะโกนซ้ำอีกว่า “ตำรวจซ้อม!” คนที่ออกันอยู่จึงขว้างก้อนอิฐก้อนหินเข้าไปที่โรงพัก และจุดไฟเผารถตำรวจที่จอดอยู่ด้านหน้า เข็นพุ่งเข้าใส่ สน.
ตำรวจเห็นว่าเหตุการณ์รุนแรงเกินไปแล้ว จึงยิงปืนออกไปเป็นการขู่ แต่ผู้ก่อเหตุกลับยิงสวนเข้ามาใน สน. ตำรวจจึงยิงโต้กลับไป ผลคือตายไปทันที ๕ ศพ ไปตายที่โรงพยาบาลอีก ๑ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกกระเจิง นายพูนคนต้นเหตุฉวยโอกาสตอนชุลมุนนี้หลบหนีไปได้
การแตกหนีไปของผู้ชุมนุม ไม่ใช่เป็นการยอมแพ้ แต่กระจายกันออกไปก่อเหตุโดยรอบ สมบัติของทางราชการไม่ว่าป้ายจราจร ถังขยะ แผงกั้น มาตรเก็บเงินค่าจอดรถ ป้อมตำรวจถูกทำลาย พล.ต.ท. ณรงค์ มหานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระดมตำรวจจากหน่วยอื่นมาช่วย แต่ก็ไม่สามารถคลี่คลายการก่อจลาจลซึ่งกระจายไปทั่วย่านได้
รุ่งเช้า เหตุการณ์กลับคืนสู่ความสงบ ทิ้งแต่ซากของการระบายความแค้นไว้เกลื่อน ประชาชนต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างก็สาปแช่งกลุ่มที่ก่อเหตุ บ้างก็ประณามตำรวจว่าใช้ความรุนแรงเกินเหตุ
พอตกเย็น คนก็เริ่มมาชุมนุมที่หน้า สน. พลับพลาไชย อีก ตำรวจเข้าไปขอให้กลับบ้านก็ไม่ยอม พอค่ำก็ยิ่งมากขึ้น ตำรวจจึงใช้วิธียิงปืนขึ้นฟ้าขู่ กลุ่มคนที่ออกันจึงแตกกระจาย
คืนนี้กลุ่มก่อกวนมีการวางแผนกันมา แบ่งกลุ่มสร้างสถานการณ์ไปรอบ ๆ ล่อตำรวจให้ออกไปปราบ แต่อีกกลุ่มก็พยายามจะบุกเผาโรงพักพลับพลาไชยให้ได้ บ้างก็ล่อตำรวจที่ลาดตระเวนให้สาดกระสุนใส่กลุ่มประชาชนที่ตัวเองแอบอยู่ข้างหลัง
กลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายได้ยึดรถเมล์มาจอดที่หน้า สน. พลับพลาไชยเตรียมเผา ตำรวจเข้าสกัดจับไว้ได้ ๒ คน อีกราว ๒๐ หนีไปได้
๒๑ นาฬิกาเศษ มีมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งมุ่งไปที่ย่านร้านขายปืนหลังวังบูรพา ตำรวจคาดว่าจะมาปล้นปืนเลยเข้าสกัด เกิดการยิงกัน กลุ่มมอเตอร์ไซค์จึงหนีไป
ราว ๒๑.๓๐ น. ตำรวจลาดตระเวนมาถึงหัวมุมถนนแปลงนามด้านถนนเจริญกรุง ถูกขว้างระเบิดมือใส่ ทำให้ตำรวจบาดเจ็บไปหลายคน จับกลุ่มวัยรุ่นได้ ๒๑ คน พร้อมกันก็ได้รับแจ้งจากคนขับรถเมล์แดงสาย ๕๓ ว่าถูกยึดรถที่ถนนเยาวราช กลุ่มวัยรุ่นที่ยึดขับไปทาง สน. พลับพลาไชย
ในเวลาใกล้ ๆ กัน รถเมล์อีกคันก็ถูกยึดที่สนามหลวง ขับมุ่งไปที่พลับพลาไชยเช่นกัน โดยมีมอเตอร์ไซค์ประมาณ ๑๐ คันคุ้มกัน และแวะรับวัยรุ่นตลอดทาง วัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งราว ๒๐ คนได้เข้ายึดปั๊มน้ำมันเชลล์ที่สวนมะลิ ขนน้ำมันออกไป ประกาศว่าจะเผาโรงพักพลับพลาไชยให้ได้
หัวถนนแปลงนามที่ตำรวจถูกขว้างระเบิดมือไปไม่นาน ผู้ก่อกวนได้นำน้ำมันมาราดถนนแล้วจุดไฟ ตำรวจเข้าดับก็ถูกยิง จึงยิงตอบปรากฏว่าตายไป ๓ คน บาดเจ็บอีก ๓
ตอนดึก ผู้ก่อเหตุกลุ่มละ ๒๐ - ๓๐ คนชุมนุมปิดถนนหลายแห่ง มีมอเตอร์ไซค์วิ่งประสานงาน และมีรถบรรทุกเล็กวิ่งรับคนจากย่านเยาวราชและพลับพลาไชยไปส่งตามจุดต่าง ๆ
รัฐบาลเห็นว่า การก่อการจลาจลขยายวงออกไปเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะสงบ นายกรัฐมนตรีสัญญา ธรรมศักดิ์ จึงประกาศภาวะฉุกเฉินกลางดึก ให้ พล.อ. กฤษณ์ สีวะรา ผบ.ทบ. เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ เคลื่อนรถถังเข้าข่มขวัญตามจุดต่าง ๆ และส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการกับตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ก่อเหตุเกรงกลัว กรมตำรวจได้เรียก ตชด. และตำรวจพลร่มจากค่ายนเรศวรหัวหินมาสมทบ กำชับก่อนออกปฏิบัติการเมื่อราว ๐๓.๐๐ น.ว่า ถ้าแค่ยั่วยุก็อย่ายิง จนกว่าจำเป็นต้องป้องกันตัว เมื่อตำรวจและทหารกระจายกันออกเคลียร์พื้นที่ เหตุร้ายจึงเริ่มเบาบางลง
ในวันที่ ๕ กรกฎาคม รัฐบาลได้ส่งกำลังเข้าเสริมตามจุดต่าง ๆ ป้องกันเหตุร้ายตั้งแต่ ๑๖.๐๐ น. ตกค่ำกลุ่มก่อกวนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ บางกลุ่มมีเป็นร้อย ออกก่อเหตุตามจุดต่าง ๆ กลุ่มหนึ่งจะเข้ายึดโรงพยาบาลจุฬาฯ แต่ก็ถูกขัดขวางและจับไว้ได้หลายคน
ที่หน้าธนาคารเอเชีย สามแยก วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งตั้งด่านให้รถที่ผ่านมาหยุด ขอดูดน้ำมันใส่ขวด ตชด. และพลร่มทราบเหตุจึงรุดไป เผอิญมีรถพยาบาลนำไปข้างหน้า กลุ่มวัยรุ่นโบกมือให้หยุด แต่คนขับไม่ยอมหยุด เลยถูกยิง ตชด. จึงสาด เอ็ม ๑๖ เข้าใส่ ดิ้นตายไป ๑ ศพ
ตำรวจได้สั่งให้ปั๊มน้ำมันทั่วกรุงเทพฯ ใส่กุญแจล็อคหัวจ่ายตั้งแต่ ๒๐.๐๐ น. ทำให้รถยนต์เดือดร้อน รถเมล์หลายคันน้ำมันหมด ส่วนรถเมล์ที่วิ่งผ่านย่านเยาวราช พลับพลาไชย ต่างหยุดวิ่ง เพราะกลัวจะถูกยึดรถ
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งราว ๓๐๐ คน มีมีดไม้เป็นอาวุธ เดินจากราชวงศ์มุ่งไป สน. จักรวรรดิ เมื่อ ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้สลายตัว กลุ่มวัยรุ่นเลยเบี่ยงไปออกเยาวราช พอถึงโรงภาพยนตร์คาเธ่ย์ก็เจอ ตำรวจทหารและพลร่ม จึงเกิดปะทะกัน กลุ่มวัยรุ่นวัยคะนองแตกกระเจิง
ในเช้าวันที่ ๖ กรกฎาคม เริ่มตั้งแต่ ๐๘.๐๐ น. ตำรวจได้ออกค้นตามจุดที่สงสัยว่าจะเป็นที่หลบซ่อนของผู้ก่อความไม่สงบ และอธิบดีกรมตำรวจได้กำชับให้ตามตัวนายพูน ต้นเหตุที่แอบหนีไปกลับคืนมาให้ได้ ตำรวจและนักข่าวไปที่บ้านนายพูนแถวบุคคโล พบแต่บ้านปิดสนิท ไม่มีวี่แววตัวก่อเรื่อง
ตกเย็นซึ่งตามปกติจะมีคนไปออกันที่หน้า สน. พลับพลาไชย แต่ในวันที่ ๖ นี้ คนบางตาลง ตำรวจทหารได้ตรึงกำลังเต็มอัตรา เหตุการณ์จึงกลับคืนเกือบปกติ รถเมล์ออกวิ่ง แต่ก็ยังมีการก่อกวนประปราย
เช้าวันที่ ๗ เหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติ ร้านรวงในย่านจราจลเปิดกันมาก โรงภาพยนตร์เท็กซัสซึ่งอยู่ในใจกลางย่านเยาวราช เปิดฉายและมีคนดูพอสมควร
รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น.ของวันที่ ๙ กรกฎาคม ตำรวจสรุปเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ตัวการที่ปลุกปั่นก็คือ แก๊งมังกร กับ แก๊งอินทรี กลุ่มอันธพาลย่านเยาวราช มีคนตาย ๒๖ คน บาดเจ็บ ๑๒๔ คน และถูกควบคุมตัว ๙๗ คน
สำหรับนายพูน ล่ำลือประเสริฐ คนต้นเหตุ เดินถนนไม่ได้เลยต้องยอมมอบตัว แต่ถูกฟ้องเพียงข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด ต่อสู้ขัดขวางและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=438619692956944&substory_index=0&id=156454257840157