มองเห็นผี
สมพงษ์ เป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าตัวเองมีเซนส์เกี่ยวกับผีและมีประสบการณ์เห็นผีมาตลอดโดยที่เขาเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมัก มองเห็นผีตั้งแต่สมัยที่อายุสิบหก มีอยู่วันหนึ่งหลังโรงเรียนเลิกเขากลับมาบ้านในตอนเย็นแล้วเกิดปวดฉี่ แต่ห้องน้ำที่บ้านมีคนเข้าอยู่เขาจึงวิ่งออกนอกบ้านเข้าไปในป่าหลังบ้านแทนแต่พอเขาเห็นว่ามีคนเขาจึงวิ่งเข้าไปลึกขึ้นอีกเพื่อหาที่ปลดทุกข์ ขณะที่เขาทำธุระอยู่เขาก็ได้ยินเสียงไม้ดังแก๊ก จนทำธุระเสร็จเขาจึงใส่กางเกงเพื่อที่จะกลับออกมาเขาก็ได้ยินเสียงแบบเดิมอีกแต่คราวนี้มันดังมาจากบนต้นไม้เขากลัวว่าจะเป็นเสียงของงู เขาจึงแหงนหน้าขึ้นไปดูแต่ภาพที่เขาเห็นมันกลับน่ากลัวยิ่งกว่างูหลายเท่านักเพราะบนยอดไม้นั่นมียายแก่ๆนั่งอยู่บนยอดไม้ผมแกยาวมากส่วนมือก็โหนกิ่งไม้อยู่พร้อมกับจ้องมองลงมาที่เขาอย่างไม่ละสายตาดวงตาของแกแดงก่ำจนดูน่ากลัว ตอนนั้นเขาจะวิ่งก็วิ่งไม่ออกเพราะก้าวขาไม่ได้มันชาไปหมดเขาจึงสวดมนต์ในใจและขอขมาเจ้าที่ ตรงที่เขาไปปลดทุกข์ด้วยอยู่นาน เขาจึงหลุดจากอาการนั้นและวิ่งกลับมาที่บ้านได้ซึ่งหตุการณ์นั้นก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผี และมันก็ทำให้เขาจับไข้อยู่หลายวัน
จนกระทั่งโตขึ้นและได้บวชเป็นพระตอนอายุ 20 ปี ตอนนั้นลุงของเขาตายพอดี สมพงษ์จึงบวชหน้าไฟให้และถือโอกาสบวชพระให้พ่อกับแม่ไปเลย หลังจากงานศพของลุงเสร็จมีอยู่คืนหนึ่งเขาเดินผ่านที่เก็บกระดูกของลุงเนื่องจากเขาเป็นพระบวชใหม่ เขาจึงยังไม่ทันได้ระวังหรือสำรวมเท่าไหร่เขาจึงเผลอตัวเดินผิวปากหรือเดินกึ่งวิ่งเพื่อจะกลับไปยังกุฎฎิแต่ระหว่างที่เขาเดินอยู่ ก็มีลมหมุนเหมือนพายุก่อตัวขึ้นจนดินหมุนวนเป็นวงกลมพัดมาแรงมากในหัวคิดขึ้นมาทันทีว่าน่าจะเป็นลุงที่ตายไปแล้วเขาจึงคิดในใจว่าลุงอย่ามาทำอย่างนี้ผมกลัวแทนที่ลมหมุนนั้นจะสลายไปกลับพัดแรงขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับมีกลิ่นคล้ายศพโชยมาด้วย จนเขาต้องวิ่งจริงๆเพื่อกลับกุฎฏิและพอไปถึงเขาก็เห็นเงาดำๆที่มีลักษณะคล้ายลุงของเขาจริงๆมารออยู่ที่ต้นไม้ข้างๆกุฏฏิเขาจึงเปลี่ยนใจไม่เข้าไปโดยเลือกที่จะไปขอนอนที่ห้องพระรูปอื่นและให้พระรุ่นพี่สวดมนต์ส่งบุญให้ลุงแทน
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปเขาสึกและได้มาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งช่วงก่อนปีใหม่ที่บริษัทก็พาพนักงานไปสัมมนาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในนครนายกซึ่งกว่าจะสัมมนาและกินเลี้ยงกันเสร็จก็กลับมาถึงห้องเกือบเที่ยงคืนแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เตรียมตัวนอน พอเขากำลังเอนตัวลงนอนก็เหมือนจะนอนไม่หลับ ช่วงนั้นคล้ายกับว่ากึ่งหลับกึ่งตื่นจู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงมาสะกิดแล้วนั่งร้องห่มร้องไห้เขาตกใจมากจึงถามเด็กไปว่าเป็นอะไรจะเอาอะไรให้บอกอย่ามาหลอกกันเลยเด็กถึงหยุดร้องและบอกเขาว่าหนูเป็นผีอยู่ที่นี่ โดนพ่อเลี้ยงฆ่าตาย หนูหิว ไม่มีข้าวกิน พี่ทำบุญให้หนูหน่อย” จากลักษณะที่เห็นนั้นเด็กก็ดูปกติเหมือนคนทุกอย่างยกเว้นตอนที่ลอยกลับเข้าเพดานห้องไปนี่แหละ เขาจึงรีบสะกิดเพื่อนที่นอนข้างๆให้ตื่นแต่เหมือนเพื่อนของเขาก็โดนด้วยเหมือนกันด้วยความเมาและความง่วงเพื่อนจึงบอกว่าขี้เกียจย้ายห้องพรุ่งนี้ค่อยไปทำบุญ
จนตอนเช้าสมพงษ์และเพื่อนจึงไปถามพนักงานโรงแรมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พนักงานขอให้พวกเขาปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะจริงๆห้องนั้นไม่ค่อยได้เปิดให้แขกเข้าพัก แต่ด้วยความที่ออฟฟิตของสมพงษ์มาสัมมนากันเยอะห้องไม่พอเลยต้องเปิดห้องนั้นให้ด้วยห้องที่เขาอยู่ เคยเกิดคดีพ่อเลี้ยงพลั้งมือฆ่าเด็กแล้วยัดศพซ่อนไว้ใต้เตียงก่อนที่จะถูกตำรวจจับได้ แต่ว่านั่นก็นานเกือบสิบปีแล้วพอสมพงษ์และเพื่อนได้ยินแบบนั้นจึงขอให้น้องที่เล่าพาไปวัดใกล้ๆแถวนั้นเพื่อทำบุญให้เด็กคนนั้นตามที่เขาขอและเพื่อความสบายใจของตัวเขาเองด้วยแม้ว่าเพื่อนเขาจะกลัวมากแต่สำหรับสมพงษ์เขารู้สึกว่าเริ่มชินแล้วและครั้งหลังๆผีที่มาให้เขาเห็น ก็มักมาในสภาพที่ดีหรือมีเรื่องให้ช่วยเหลือเขาจึงยินดีที่จะช่วยเสมอถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากมองเห็นผีเลยก็ตาม











