ปวดหัวกันทั้งบาง เผยสาเหตุ เจ้าสาวหายตัว บอกมีคนล้อมรถ ที่แท้ผู้สาวขาเลาะนี่เอง
กรณี นายสันติ คำบุญยอ อายุ 30 ปี พร้อมแม่ยายโร่แจ้งตำรวจโรงพักเมืองอุดรธานี หลังภรรยาสาวเพิ่งแต่งงานกันได้ 2 สัปดาห์ บอกจะนั่งรถตู้สายอุดรธานี กาฬสินธุ์ จะมาหาผัวเพราะคิดถึง จึงไปรอรับที่ บขส. แต่กลับคอยเก้อ ก่อนเมียจะส่งข้อความมาบอกผัวว่า นั่งรถทัวร์สีม่วงสองชั้นคล้ายกับรถท่องเที่ยวพาไปที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ไปจอดอยู่ในป่า ถูกโชเฟอร์ยึดโทรศัพท์ ไม่สามารถติดต่อใครได้ จึงร้อนใจ เกรงเมียจะถูกมิจฉาชีพหลอกลวงไปทำมิดีมิร้าย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 4 บ้านไผ่ล้อม ต.อ้อมกอ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พบนายประมวล นามมีชัย อายุ 49 ปี นางอุบล นามมีชัย อายุ 53 ปี พ่อและแม่ น.ส.แววตา นามมีชัย อายุ 30 ปี ที่แจ้งหายไปกับรถทัวร์สองชั้นสีม่วงปริศนา เปิดเผยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ตอนนี้โล่งอกแล้วหลังจากเมื่อวานตอนค่ำตำรวจพาไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งชาญทัวร์ จนทราบว่าลูกสาวได้โดยสารรถเข้ากรุงเทพฯ แล้ว ส่วนจะไปทำงานหรือทำอะไรนั้นยังไม่ทราบ แต่คิดว่าน่าจะไปทำงาน เพราะตอนนี้ยังติดต่อลูกสาวยังไม่ได้ แต่ก็อุ่นใจเปาะนึงที่ลูกสาวไม่ได้ถูกคนทำร้ายตามที่ลูกสาวโทรมาบอกก่อนหน้านี้
นางอุบล เปิดเผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยโกหกหลายครั้ง บอกว่าจะไปหาเพื่อนที่บ้านดุง แต่ไปโผล่อีกจังหวัดหนึ่ง หรือบอกจะไปอุดรฯ ก็ไปโผล่กรุงเทพฯ ตอนนี้รู้แล้วว่าลูกสาวโกหกว่าขึ้นรถโดยสารจอดในที่เปลี่ยวและโดนยึดโทรศัพท์ หากลูกสาวได้ดูข่าวแม่ อยากจะบอกว่า พ่อและแม่ให้อภัย ให้กลับมาหาพ่อแม่หรือจะติดต่อกลับมาก็ได้ ส่วนนายประมวล ผู้เป็นพ่อ ฝากไปถึงลูกสาวว่า แววเอ๊ย พ่อกับแม่นั่งอยู่นี่ อยากให้คืนมาแก้ข่าวช่วยพ่อช่วยแม่หน่อยนะ อย่าไปเตร็ดเตร่ไปทั่ว พ่อแม่เป็นห่วงอย่างมาก
ด้านนายสันติ คำบุญยอ อายุ 30 ปี สามี น.ส.แววตา เปิดเผยทางโทรศัพท์ กำลังเดินทางกลับไปทำงานที่ จ.กาฬสินธุ์ เย็นวานนี้ทราบจากตำรวจว่าภรรยาซื้อตั๋วขึ้นรถทัวร์ไปกรุงเทพฯ ไม่ได้ถูกกักขังตามที่อ้าง ก็รู้สึกสบายใจ แต่ในใจคิดว่าเมียจะโกหกทำไม ไปอยู่กับใคร แต่ยังไม่ได้ตัดสายสัมพันธ์ รอให้เมียกลับมาก่อนจะได้สอบถามหาเหตุผลว่าทำไมต้องกุเรื่องโกหก ตอนนี้รู้สึกสบายใจ แต่กลับมาคิดว่าเมียโกหกทำไม คิดหาคำตอบไม่ได้ พูดแบบภาษาอีสานว่า หมดคำสิเว้า เมื่อปลอดภัยก็ดีแล้ว ส่วนตนจะไปทำงานหาเงินเลี้ยงลูก ส่วนสาเหตุการโกหกคงต้องรอให้เมียกลับมาบ้านก่อน หากได้คำตอบแล้วถึงจะรู้ว่า สิไปต่อหรือพอส่ำนี้ คือจะแยกทางกัน หรืออยู่ด้วยเหมือนเดิม นายสันติกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วงศกร วันชัย สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้ง ตำรวจได้ออกไปสืบสวนที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 เทศบาลนครอุดรธานี ขอตรวจดูภาพวงจรปิดก็พบว่า น.ส.แววตา ได้ลงจากรถบัสโดยสารสายคำตากล้า-บ้านดุง อุดรธานี และได้เดินหายไป เจ้าหน้าที่ขนส่งจึงได้ไปสอบถามบริษัทรถทัวร์ต่างๆ ให้ตรวจสอบชื่อผู้โดยสาร ซึ่งบริษัทชาญทัวร์ตรวจพบว่ามีผู้โดยสารชื่อ น.ส.แววตา นำบัตรประชาชนมาซื้อตั๋วรถอุดรธานี-กรุงเทพฯ ไปเมื่อเวลา 09.30 น. โดยเดินทางไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีผู้ใดบังคับ แต่จะไปหาใคร อยู่ที่ใด ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่จากการตรวจสอบล่าสุดทราบว่า น.ส.แววตา อยู่แถว จ.ปทุมธานี ซึ่งเคยทำงานอยู่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร
เมื่อพ่อแม่และสามีทราบว่า น.ส.แววตา ได้ซื้อตั๋วรถที่บริษัทชาญทัวร์เดินทางไปกรุงเทพฯ พ่อแม่ต่างมีสีหน้าสบายใจ ไม่วิตกกังวลแล้ว เพราะเชื่อว่า น.ส.แววตา เดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง ไม่ได้รับอันตราย ไม่ได้ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ไปกรุงเทพฯ แล้วโกหกสามีและพ่อแม่ว่าถูกยึดโทรศัพท์มือถือนั้น สอบถามจากแม่และสามีแล้ว ยังไม่รู้สาเหตุ จึงต้องรอให้ น.ส.แววตา ติดต่อกลับมาจึงจะสอบถามถึงสาเหตุการโกหกในครั้งนี้