อาถรรพ์ป่าไผ่
สร้อย เป็นชาวบ้านในจังหวัดสระแก้ว สร้อยมีอาชีพรับจ้างซักรีดผ้าแบบรายเดือน ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ลูกค้าจะนำผ้ามาส่งซักกันเยอะ พอลูกค้ามากขึ้น ที่ตากผ้าไม่พอสร้อยจึงเดินไป ท้ายหมู่บ้านซึ่งมีป่าไผ่ ตั้งใจจะตัดไม้ไผ่ไปทำราวตากผ้า ก่อนจะถึงป่าไผ่ต้องเดินผ่านวัดและเดินเลยไปทาง ป่าช้า สร้อยเดินหาไผ่ที่ไม่ใหญ่มาก แต่กอไผ่ใกล้ ๆ ทางออกก็มักจะเป็นไผ่แก่ ต้นใหญ่ๆ ทั้งนั้น พอเดินลึกเข้าไปก็เห็นต้นไผ่ขนาดเท่าที่ต้องการก็ลงมือตัด จังหวะที่ฟันมีดลงไปที่ต้นไผ่ เสียงใบไม้ก็ดัง แกรก แกรก เหมือนมีคนเหยียบใบไผ่แห้ง สร้อยหยุดฟันแล้วหันไปดูรอบ ๆ ก็ไม่เจอใคร พอหันกลับมา ฟันต้นไผ่อีกครั้ง ก็ได้ยินเหมือนเสียงคนหายใจหอบ เสียงนั้นดังมาจากหลังกอไผ่สร้อยตัดสินใจเดินไป แล้วชะโงกหน้าดู สร้อยตกใจเอามือปิดปาก สิ่งที่เห็นเป็นร่างคล้ายคนแต่เป็นเงาสีดำ กำลังกลิ้งตัวไปมา
สร้อยกำลังจะเดินออกไปจากตรงนั้น แต่เสียงเหยียบใบไผ่ดัง ร่างดำ ๆ ที่เห็นก็หยุดนิ่งแล้วรีบไต่ขึ้นต้นไม้ ไปอย่างเร็ว สร้อยแหงนหน้าดูทั้งที่กลัว พอเงาดำนั้นไปถึงยอดไผ่ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป สร้อยเห็นแบบนั้น ก็รีบถอยออกมาแล้ววิ่งสุดชีวิต ชั่วเวลาแค่ไม่นานที่วิ่งออกมาจากกอไผ่กอนั้น ฟ้าก็มืดลง สร้อยพยายาม มองทางเพื่อจะออกไปทางเดิม แต่วิ่งเท่าไหร่ก็วนกลับมาที่เดิม เหมือนมีอะไรมาบังทางออกไม่ให้ออกไปได้ จนฟ้ามืดสนิท สร้อยทรุดตัวนลงนั่งใต้กอไผ่ต้นหนึ่ง เสียงลมพัดจนเกิดเสียงไผ่สีกันดัง เอี๊ยด ๆ ใบไผ่ปลิว จนสร้อยต้องก้มหน้า ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก คิดถึงหน้าแม่ขึ้นมาทันที เพราะสร้อยอยู่กับแม่ที่ป่วยเป็น อัมพาตแค่สองคน
เวลานั้นแม่ก็คงรอให้สร้อยกลับบ้านแล้ว สร้อยยกมือพนมและขอให้เจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยเปิดทาง ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากอธิษฐาน ลมที่พัดแรงก็หยุด สร้อยลืมตามองรอบๆ ปรากฎว่าฟ้าเปิด มีแสงจันทร์ให้เห็นอยู่บ้าง สร้อยลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันจะก้าวเดิน ก็ได้ยินเสียงใบไม้แห้งถูกเหยียบดังแกรก ดังมาจากด้านข้าง สร้อยหันไปดูก็ตกใจเพราะเห็นใบหน้าคนลอยอยู่ข้างกอไผ่ เป็นใบหน้าของผู้ชายหัวโล้น
สร้อยรีบวิ่งไปข้างหน้าจนเจอทางออก แล้ววิ่งไปที่วัดและเล่าให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อจึงเอาน้ำมนต์มาพรมให้และบอกให้สร้อยกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันได้กลับบ้าน พระลูกวัดก็เดินมาบอกหลวงพ่อว่ามีชาวบ้าน เจอหลวงพี่จุก หมดสติอยู่ที่ปากทางเข้าป่าไผ่ หลวงพ่อจึงเดินไปดู สร้อยก็เดินไปด้วย พอไปถึงชาวบ้าน ที่เจอก็พยุงหลวงพี่จุกไว้ในอ้อมแขน จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึงและพาหลวงพี่จุกไปโรงพยาบาล พอหลวงพี่ได้สติก็เล่าว่า เมื่อช่วงเย็น หมาที่เลี้ยงไว้หายไปเลยเดินตามหาจนไปถึงทางเข้าป่าไผ่ แต่ไม่รู้ว่า อะไรดลใจ ทำให้เดินเข้าไป พอเดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครเหยียบใบไม้แห้ง หลวงพี่จุกเลย ใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆ แต่กลับไม่เจออะไร ตอนนั้นคิดว่าจะเดินกลับ แต่พอหันหลังก็เห็นเงาดำขนาดใหญ่ พุ่งมาแล้วผ่านตัวไป จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากวันนั้น เรื่องของสร้อยและหลวงพี่จุกก็ถูกพูดถึงไปทั่วหมู่บ้าน บางคนก็ลือว่าสร้อยกับหลวงพี่จุกนัดกันเข้าไปทำ อะไรไม่ดีไม่งามในป่าไผ่ แต่สร้อยรู้ดีว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเขาพูด เลยไม่ได้สนใจ แต่สร้อยคาใจว่า เงาดำที่ปีนขึ้นต้นไผ่นั้นเป็นอะไรกันแน่ และที่สร้อยเห็นใบหน้าคนหัวโล้นๆ อาจจะเป็นหลวงพี่จุกก็ได้ แต่ถ้าเป็นหลวงพี่จุกแล้วทำไมแกถึงมองไม่เห็นสร้อย หรือจะมีอะไรมาบังตาก็เป็นได้ นอกจากเรื่องของ สร้อยและหลวงพี่จุกแล้ว ชาวบ้านหลายคนที่เคยเข้าไปหาหน่อไม้ ยืนยันว่าเคยเห็นร่างสีดำๆ แถวกอไผ่เหมือนกัน
มีคนเล่าว่า เงาดำนั้นแท้จริงแล้วเป็นวิญญาณของผู้ชายวัยกลางคนจากต่างพื้นที่ ซึ่งเดินทาง มาทำงานกับผู้รับเหมาก่อสร้างเมื่อตอนสร้างโบสถ์ในสมัยยี่สิบปีก่อน ด้วยความที่ชอบเล่นคุณไสย แต่มีบางอย่างผิดพลาด ทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ แต่น่าแปลกที่เงาดำนั้น ไม่เคยออกมาให้เห็นแถวหมู่บ้านเลย หรือจะถูกอะไรขังไว้ให้อยู่แค่ในป่าไผ่ก็เป็นได้