เบื้องหลังของ "สุนัขนำทาง" กว่าจะได้ทำหน้าที่นี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วคุณจะหลั่งน้ำตาเพื่อขอบคุณพวกเขา

เคยมั้ยยย..ลองจินตนาการว่า หากวันหนึ่งดวงตาของคุณมองเห็นอะไรอีกจะทำอย่างไร!?

ในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม ภาพในงานรับปริญญา หน้าตาของหลานเพิ่งคลอด ใบหน้าของคนที่คุณรัก คุณจะไม่สามารถมองเห็นได้อีกแล้ว โลกสีดำอาจดูน่ากลัวและไม่คุ้นเคยสำหรับคุณ 

ถ้าคุณมองไม่เห็น คุณอาจไม่กล้าเดินไปข้างนอกตัวคนเดียว เพราะคุณต้องการใครสักคนที่คอยนำทางให้คุณเพื่อความปลอดภัย

ภาพสถานที่ต่าง ๆ บนโลกอันสวยงาม ยังมีคนตาบอดอีกมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมัน

พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานในโลกแห่งความมืดมิด จนกระทั่งเริ่มมีการฝึกฝนสุนัขนำทางคนตาบอดขึ้น ทำให้ชีวิตพวกเขาเริ่มมีความหวังและสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกยิ่งขึ้น

สุนัขตัวนี้ชื่อ โดร่า เกิดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2017 มันเพิ่งได้รับมอบหมายหน้าที่เป็นสุนัขนำทางอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ มันต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหลายเดือน ทั้งการฝึกเดินเท้าระยะทางไกล ไม่ว่าจะทางตรง คดเคี้ยว และอุปสรรคทั้งหลายที่อาจพบเจอบนท้องถนน ถึงแม้จะยาก แต่มันก็สามารถสอบผ่าน 46 รายการทดสอบได้ทั้งหมด เก่งใช่ไหมล่ะ

ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ตามสถิติมีผู้พิการทางสายตาถึง 1.7 ล้านคน แต่มีสุนัขนำทางคนตาบอดเพียง 200 ตัวเท่านั้น ทำให้ผู้พิการส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้ใช้งานสุนัขนำทาง ถึงแม้อัตราส่วนสุนัขต่อผู้พิการค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ก็จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ไม่นานนี้มีภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง quill the life of a guide dog หรือชื่อไทยว่า "โฮ่งฮับ เจ้าตัวเนี้ยซี้ร้อยเปอร์เซ็นต์" บอกเล่าเรื่องราวน่าประทับของสุนัขที่ใช้เวลาตลอดทั้งชีวิต กับช่วงชีวิตเพียง 10 ปีของมนุษย์ที่ดูแล้วประทับใจมาก

ชะตาชีวิตของสุนัขนำทางคนตาบอด จะเรียกว่าน่าสงสารก็ไม่เชิง ช่วงชีวิตของพวกมันต้องพบกับการบอกลาอยู่หลายครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมหวนนึกถึงเจ้าโดร่า เพราะมันต้องผ่านการจากลาจากเจ้าของที่เป็นมนุษย์อยู่หลายครั้ง ตั้งแต่เกิดมาจนมาถึงช่วงเริ่มฝึกฝน และช่วงเตรียมตัวต้อนรับเจ้าของคนใหม่ จนถึงช่วงเกษียณอายุ จะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของตลอดช่วงอายุขัยของมัน

การฝึกฝนเพื่อปรนนิบัติมนุษย์ และเพื่อเป็นสุนัขนำทางคนตาบอดนั้นไม่ง่ายเลย พวกมันต้องไม่เคยมีประวัติกัดคนมาก่อนใน 3 รุ่นบรรพบุรุษของมัน และยังต้องถูกผ่าตัดทำหมันตั้งแต่อายุเพียง 6 เดือนด้วย

หลังจากอายุครบ 1 ปี เมื่อมันเริ่มคุ้นเคย และรักเจ้าของที่เลี้ยงดูพวกมัน ก็ถึงเวลาต้องลาจากบ้านเดิม เพื่อส่งไปยังสถานที่ฝึกสุนัข พวกมันต้องฝึกฝนอย่างหนักที่นั่นนานถึง 6 เดือน

เจ้าโดร่าผ่านการฝึกฝนอย่างหนักมาแล้วโดยผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่การฝึกให้อดอาหาร มันต้องฝึกฝนทั้งในและนอกบ้าน ฝึกทักษะสังคม และการเข้ากับเจ้าของคนใหม่และอื่น ๆ อีกหลายรายการ เมื่อมันอายุได้ 2 ปีก็ผ่านบททดสอบสุดโหดแล้วถึง 70% จากนั้นก็ถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจังแล้ว ซึ่งเจ้าโดร่าต้อคอยงดูแลปกป้องเจ้าของคนตาบอด ที่รับมันไปจนกระทั่งถึงอายุ 10 ปีจึงค่อยเกษียณ เพราะตอนนั้นมันไม่เหมาะสมกับทำงานอีกต่อไป

เมื่อถึงเวลานั้นมันก็ต้องลาจากอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้มันต้องลาจากคนที่เคยเลี้ยงมันนานเกือบสิบปี การลาจากและพบกับเจ้าของคนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสุนัขทั่วไป พวกมันก็ต้องปรับตัวใหม่อีกครั้งเมื่อถึงเวลา

มีคนกล่าวว่า สุนัขนำทางคนตาบอดนั้นฉลาดและเป็นคู่หูที่พึ่งพาได้ พวกมันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อดูแลมนุษย์ พวกมันไม่ค่อยแสดงอาการตื่นเต้น รักสนุกเหมือนสุนัขทั่วไป พวกมันอดทนถึงแม้ว่าจะมีอาหารมาล่ออยู่ตรงหน้าก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกมันก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีเสมอ

สำหรับสุนัขช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา ชะตาขีวิตของพวกมันถูกกำหนดไว้แล้วว่า พวกมันไม่สามารถร่าเริงและเล่นสนุกได้ตามใจ และยังต้องตื่นตัว ระมัดระวังตลอด 24 ชม. แต่ใครจะรู้ว่าบางทีในใจพวกมันอาจกำลังอยากเล่นกับเรา และพบเจอเพื่อนสุนัขตัวอื่นอยู่ก็เป็นได้

ถึงแม้พวกมันจะดูน่าสงสาร แต่ก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระ และช่วยเหลือคนพิการได้เป็นอย่างดี

เราหวังว่าผู้อ่านทุกท่านเมื่อพบเจอสุนัขที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ อย่าเพิ่งเข้าไปรบกวน หรือหยอกล้อกับมันเลย เป็นกำลังใจให้ห่าง ๆ จะดีกว่า

Cr : SaraDee.