จากจัณฑาลสู่เศรษฐีนี
จากจัณฑาลสู่เศรษฐีนี
เรื่องที่จะพูดถึงต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงกับหญิงชาวอินเดียจากวรรณะจัณฑาล ครั้งหนึ่งเคยพยายามฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นไปจากการถูกเลือกปฏิบัติ ความยากจน และการถูกทำร้ายร่างกาย ปัจจุบันเธอพลิกชีวิตใหม่ด้วยการเป็นเจ้าของกิจการ เป็นซีอีโอของบริษัทที่มีรายได้หลายล้านดอลลาร์
ชีวิตของกัลปนา สาโรจ ไม่ต่างจากโครงเรื่องของภาพยนตร์บอลลีวูดที่ชีวิตตัวเอกมักอุดมไปด้วยอุปสรรคขวากหนามจนมาจบแบบมีความสุข เธอเกิดมาในครอบครัววรรณะจัณฑาล ถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน ถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่อายุ 12 ปี ต้องต่อสู้กับแรงกดดันจากสังคมเมื่อวันหนึ่งตัดสินใจเลิกและปลดแอกตัวเองจากสามี ปัจจุบันกลายเป็นนักธุรกิจหญิงผู้มั่งคั่งที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเกี่ยวกับโลหะที่ใช้ในอุตสาหกรรม ได้กระทบไหล่นักธุรกิจมีชื่อเสียงของอินเดียหลายคน และรับรางวัลในฐานะนักธุรกิจผู้มีสปิริตในการประกอบธุรกิจ
“ครั้งแรกที่ฉันไปมุมไบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเดินทางไปให้ถึงที่นั่นอย่างไร ฉันมาจากหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทุกวันนี้ชื่อบริษัทของฉันเป็นชื่อถนนสองสายในเมือง” ระบบวรรณะถือเป็นสิ่งเก่าแก่ที่ตกทอดอยู่ในสังคมอินเดียมาเป็นเวลาช้านาน เพื่อใช้จัดประเภทคนให้อยู่ในวรรณะต่างๆ ตั้งแต่ลืมตาดูโลก คนที่เกิดในวรรณะต่ำสุดย่อมได้รับการปฏิบัติจากคนในสังคมไม่ค่อยจะสู้ดีนัก “พ่อแม่ของเพื่อนๆ บางคนไม่ยอมให้ฉันเข้าบ้านพวกเขา ที่โรงเรียนกีดกันไม่ให้ฉันเข้าร่วมกิจกรรมบางอย่างเพราะฉันเป็นคนมาจากวรรณะจัณฑาล ฉันเคยโมโห รู้สึกประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะฉันก็เป็นคนเหมือนกัน”
แม้จะได้รับการศึกษาแต่ครอบครัวก็บังคับให้ลูกสาวแต่งงานตั้งแต่อายุ 12 จากนั้นย้ายตามสามีซึ่งมีอายุมากกว่า 10 ปีไปอยู่ที่มุมไบ เมื่อไปถึงเธอตกใจมากที่บ้านของฝ่ายชายอยู่ในชุมชนแออัด แต่สภาพบ้านยังไม่สู้สิ่งต่างๆ ที่ต้องเผชิญ “พี่ชายสามีและภรรยาของเขาทำร้ายร่างกายฉัน พวกเขากระชากผมแล้วตบตี บางทีก็หาเรื่องด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันปวดไปหมดตามเนื้อตามตัว พวกเขาทำร้ายฉันทั้งทางร่างกายและด้วยคำพูด” ในที่สุดจึงตัดสินใจหนีไปจากการใช้ชีวิตคู่ โชคยังดีที่พ่อเข้าใจเมื่อเห็นสภาพลูกสาวมาหาที่มุมไบ เขาตกใจที่เห็นลูกผอมเหมือนคนอดอาหาร สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง จึงพาลูกกลับบ้าน ชาวบ้านต่างสงสัยในการกลับมาของกัลปนา เธอไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่เข้าหูให้ได้ยิน มุ่งมั่นหางานทำ ไปเรียนเย็บผ้าเพื่อหาเงิน แต่เงินไม่ทำให้ความกดดันที่มีต่อเธอลดลง
วันหนึ่งฉันตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกินยาฆ่าแมลงสามขวดและยาฆ่าปลวก ป้าเดินเข้ามาในห้องเห็นฉันน้ำลายฟูมปากและชักดิ้นชักงอ หลังรอดชีวิตฉันตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ และทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก่อนตาย ดังนั้นเมื่ออายุ 16 ปี จึงกลับไปที่มุมไบเพื่ออยู่กับลุงและทำงานเป็นช่างเย็บผ้า เริ่มต้นมีรายได้น้อยกว่าหนึ่งดอลลาร์ต่อเดือน แต่ไม่เคยย่อท้อต่อการเรียนรู้ใช้จักรอุตสาหกรรม วินาทีนั้นเองที่ทำให้เธออยากมีกิจการเป็นของตัวเอง “ฉันผิดหวังมากและเข้าใจว่าเงินมีความจำเป็นต่อชีวิต และฉันต้องมีรายได้มากขึ้น”
กัลปนาไปกู้เงินจากรัฐบาลเพื่อนำมาเปิดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และขยายกิจการตัดเย็บ ทำงานวันละ 16 ชั่วโมงอยู่นานหลายปี ต่อมาแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีลูกด้วยกันสองคน ฐานะที่ดีขึ้นและเป็นที่รู้จักทำให้มีบริษัทโลหะอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งมาขายกิจการให้ จนทำให้เธอมีหนี้ก้อนโตตามมา จากนั้นเธอรื้อโครงสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมด ปรับโครงสร้างต่างๆ “ฉันอยากให้ความเป็นธรรมแก่คนที่ทำงานที่นี่ ฉันต้องพาบริษัทไปให้รอด เลี้ยงดูปูเสื่อคนงานอย่างดี” ต่อมาบริษัทคามณี ทูบส์ ของเธอเติบโตและมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ เธอจ้างงานนับร้อยๆ คน จากทุกชั้นวรรณะ ได้พบกับนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงอย่าง ราทาน ทาทา (เจ้าของรถยนต์ทาทา) และ มูเกช อัมบานี (เจ้าของธุรกิจด้านพลังงานและวัสดุที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารแห่งอเมริกา-Bank of America) เมื่อปี 2006 เธอได้รับรางวัลผู้ประกอบการดีเด่น
กัลปนากลับไปที่หมู่บ้านของตัวเองเป็นประจำ และทำการกุศลเพื่อช่วยเหลือคนในชุมชน ในฐานะคนที่มาจากวรรณะจัณฑาลและความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้กลายเป็นที่รู้จักของคนในประเทศ น้อยคนนักที่มาจากวรรณะดังกล่าวจะทำได้ดั่งเธอ เพราะยิ่งวรรณะต่ำ ความพยายามยิ่งต้องทวีคูณและโอกาสก็ริบหรี่ไม่แพ้กัน
“ถ้าคุณเอาหัวใจและจิตวิญญาณความมุ่งมั่นเป็นเดิมพันในสิ่งที่คุณทำอยู่ และไม่ยอมแพ้ สิ่งต่างๆ จะเป็นของคุณวันยังค่ำ” กัลปนา สาโรจ เศรษฐีนีชาวอินเดียจากวรรณะจัณฑาลกล่าวทิ้งท้าย
จากจัณฑาลสู่เศรษฐีนี
เรียบเรียงจากเว็บไซต์บีบีซี โดย นงค์ลักษณ์ เหล่าวอ