ทนายษิทรา ลั่น เอาผิดเจตนาฆ่า แม่มือคู่กรณีเผยปมขัดแย้ง ขอพิสูจน์ความจริง
จากกรณีของนายพรชัย ดีเสือ อายุ 35 ปี คนงานล้างเครื่องจักรภายในบ้านของนายผดุง ทรงแสง หรือ "แจ๊ส ชวนชื่น" ตลกชื่อดัง ถูกนายเสฎฐวุฒิ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี เพื่อนบ้านของ แจ๊ส ชวนชื่น ขับรถยนต์เฉี่ยวชนแล้วเกิดมีปากเสียงกัน ก่อนเพื่อนบ้านจะโมโหและชักปืนบีบีกันดัดแปลงยิงใส่ แต่กระสุนไม่ออก จึงคว้ากระถางต้นไม้ทุบหัวและใช้ไม้ทุบหัวต่อเนื่อง ก่อนจะซมซานและคลานมาเสียชีวิตอยู่ข้างรถยนต์ที่หน้าบ้านของ แจ๊ส ชวนชื่น ภายในซอยนิมิตใหม่
ที่บ้านหลังจุดเกิดเหตุ ภายในซอยนิมิตใหม่ 14 ซึ่งพบว่ารถยนต์ของ แจ๊ส ชวนชื่น ยังคงจอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน และยังมีรอยกระจกร้าวที่ด้านหน้าฝั่งคนขับ ประกอบกับบริเวณพื้นหน้าบ้านผู้ก่อเหตุที่อยู่ติดกับบ้านของ แจ๊ส ชวนชื่น มีร่องรอยทะเลาะวิวาท นั่นก็คือ กระถางต้นไม้แตก
นายประสาร หงษ์ทอง อายุ 26 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ตาย บอกว่า ตนคือต้นเหตุของเรื่องดังกล่าว เพราะขณะที่ตนและพี่ชายอีกคนหนึ่งกำลังจะขับรถยนต์ กลับรถยูเทิร์นที่หน้าปากซอยนิมิตใหม่ 14 ผู้ก่อเหตุก็ขับรถยนต์ มาปาดหน้าและชนเข้าที่ท้ายรถของตน จนรถของตนเสียหลักปีนไปยังเกาะกลางถนน จากนั้นผู้ก่อเหตุ ก็ได้กลับรถยูเทิร์นและขับรถหนีเข้าไปยังในหมู่บ้านภายในซอยนิมิตใหม่ 14 ซึ่งติดกันชนท้ายรถของตนไปด้วย โดยตอนนั้นตนเห็นว่าผู้ก่อเหตุหนีเข้าไปในซอยดังกล่าว จึงโทรศัพท์ไปหาผู้ตายให้ขับรถไล่ตามไปดูว่ารถคันดังกล่าวหลบหนีไปที่ใด
นายประสาร บอกอีกว่า ตนไม่ได้ตามเข้าไปในซอยดังกล่าว เพราะรถได้เสียหลักขึ้นไปชนเกาะกลางถนนและต้องรอเจ้าหน้าที่ประกันมาประเมินความเสียหาย จนกระทั่ง 10 นาทีต่อมา เพื่อนของผู้ตาย ได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า "นายพรชัยตายแล้ว" โดยถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายจนตาย ตอนนั้นตกใจและช็อคมาก ไม่คิดว่าจะต้องรุนแรงถึงขั้นฆ่ากัน
นายประสาร ยังยืนยันด้วยว่า ไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ส่วนของผู้ก่อเหตุกับผู้ตายมีเรื่องกันมาก่อนหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง แต่จากที่ทราบข้อมูลมานั้น พบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้ตายทะเลาะไล่กันมา ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะบันดาลโทสะคว้าปืนบีบีมายิง แต่ปรากฏว่าปืนยิงไม่ออก ทำให้ผู้ก่อเหตุจึงเปลี่ยนใจมาคว้ากระถางต้นไม้แล้วทุบใส่ศีรษะของผู้ตายจนล้มลง จากนั้นก็ใช้ไม้มากระหน่ำตีไม่ยั้ง ก่อนจะวิ่งหลบหนีไป
ขณะที่เมื่อช่วงบ่าย นายผดุง ทรงแสง หรือ แจ๊ส ชวนชื่น และนางสาวปุณณาสา พรหมยศ ภรรยาของ แจ๊ส ชวนชื่น พร้อมด้วยทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายของแจ๊ส ได้เดินทางมาให้ปากคำที่สน.มีนบุรี โดย แจ๊ส เปิดเผยว่า หลังเข้าให้ข้อมูลกับทางตำรวจแล้ว ยอมรับที่ผ่านมามีปัญหากับผู้ก่อเหตุและทะเลาะกันบ่อยมาก โดยมีการตะโกนด่าทอเป็นประจำมานานกว่า 10 ปี ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พร้อมเชื่อว่าผู้ก่อเหตุมีการเตรียมการมาอย่างดี เพราะมีการขว้างระเบิดขวดใส่รถของตนด้วย ซึ่งภายในรถมีแม่บ้านและพี่เลี้ยงอยู่ในรถอยู่ จึงอยากจะให้จับผู้ก่อเหตุมาให้ได้ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของคนในบ้านมากๆ ประกอบกับตนสงสารคนตายและครอบครัวคนตายด้วย เพราะลูกของเขายังเล็ก
ด้านทนายษิทรา ระบุว่า ผู้ก่อเหตุได้เคลื่อนย้ายศพของผู้ตายมาที่หน้าบ้านของแจ๊ส และมีความพยาพยามที่จะเผารถยนต์ โดยจะเอาผิดในข้อหาเจตตนาฆ่าคนตายและพยายามเผารถยนต์ ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุได้รับการยืนยันจากตำรวจว่า เป็นปืนไทยประดิษฐ์ ทั้งนี้ทางครอบครัวของ แจ๊ส ชวนชื่น ขอกำลังตำรวจไปคุ้มครอง เพราะทางครอบครัวแจ๊สกังวลความไม่ปลอดภัย
ขณะที่ทางแม่ของผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่า จะพาลูกชายมามอบตัว เพื่อพิสูจน์ความจริง และไม่ได้พาลูกชายหนี โดยที่ผ่านมายอมรับมีปัญหาทะเลาะกันมาตลอด ทั้งเรื่องใบไม้ร่วงใส่ในบ้าน และเรื่องจอดรถจวางหน้าบ้าน ทำให้ไม่สามารถเข้าบ้านได้
พันตำรวจเอกคมกฤษณ์ คำบุศย์ ผู้กำกับการสน.มีนบุรี ระบุถึงความคืบหน้าทางคดีนี้ว่า ทางพนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆให้แน่นหนา เพื่อออกหมายจับผู้ก่อเหตุให้ทันภายในวันนี้ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการประสานไปยังญาติของผู้ก่อเหตุแล้ว โดยทางญาติก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนตัวของผู้ก่อเหตุยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ จึงยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด