บกพร่องทางอารมณ์....ครูพี่ณัฐ
สังคมไทยนี้...ทุกวันนี้ใจคนทำด้วยอะไรเป็นบางคนน่ะ ไม่น่าทำกันขนาดนี้เลย เอากันให้ตายเลยเหรอถึงจะพอใจ....
มึงบกพร่องทางอารมณ์หรือซาติสส์์์์ว่ะะะะะะะ
รปภ.หมู่บ้านใกล้กับสถาบันกวดวิชาเรียนเตรียมทหาร เผยพฤติกรรม “ครูพี่ณัฐ” ของขึ้นตบเด็กหน้าหัน ขณะที่พยานในคดี ยอมเปิดปากเล่าสเต็ปการทำโทษ เริ่มจากมือไปเท้า หนักเข้าเจอไม้เบสบอล หรือที่รู้กันคือ “หมอน”
ภายหลังการจับกุม นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร “บ้านครูพี่ณัฐ” เลขที่ 999/33 หมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และนางนงลักษณ์ พละแสน แม่ยาย ข้อหาร่วมกันทำร้าย นายฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 15 ปี นักเรียนที่เข้ามาเรียนกวดวิชาจนถึงแก่ความตาย พร้อมยึดหลักฐานไม้เบสบอล 8 อัน ที่ใช้ตีเด็กจนเสียชีวิต ต่อมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์พร้อมคัดค้านการประกันตัวและเกรงจะไปข่มขู่พยาน ศาลจึงมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวก่อนส่งเข้าเรือนจำกลางนครสวรรค์นั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีรายงานว่าเพื่อนของน้องชายแดนที่เรียนอยู่ในสถาบันเดียวกัน ได้แอบปีนกำแพงข้ามฝั่งหนีออกไป เพราะทนถูกทำร้ายร่างกายอีกไม่ไหว กระทั่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้านมาเจอตัวและช่วยเหลือไว้
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่เกิดขึ้นว่า ขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติก็ได้พบเห็นเด็กชายคนหนึ่ง กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในสภาพหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงได้แจ้งตำรวจในพื้นที่ให้มาตรวจสอบพร้อมกับเข้าไปสอบถามได้ความว่า “ผมปีนกำแพงหนีมา หนีจากกลุ่มมา เป็นนักเรียนอยู่ที่สถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร” หลักจากนั้นเด็กชายคนดังกล่าวก็ถอดเสื้อผ้าพร้อมกับเปิดบาดแผลรอยฟกช้ำเป็นจ้ำๆ ตามลำตัวจากการถูกทำร้ายให้ดูด้วย ซึ่งจุดสุดท้ายบริเวณดั้งจมูกที่แตกเป็นแผล
ซึ่งในระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอยู่นั้น ตนได้พาเด็กชายมารออยู่ที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน ปรากฏว่ามีกลุ่มชายวัยรุ่นผมสั้นเกรียนประมาณ 4-5 คน ลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารเดินเข้ามา และหนึ่งในนั้นบอกว่าเป็นเจ้าของสถาบันกวดวิชาดังกล่าว จะมารับตัวเด็กชายคนนี้ที่เป็นนักเรียนของสถาบัน แต่ตนก็บอกให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก่อน พร้อมกับเชิญตัวเจ้าของบ้านที่เด็กปีนเข้ามาหลบซ่อนออกมาสอบถามข้อเท็จจริงกับเรื่องทั้งหมด จนรู้ว่าเด็กแค่ต้องการปีนหลบหนีออกมา และไม่มีเจตนาก่อเหตุร้ายใดๆ รวมทั้งยินยอมจะกลับไปที่สถาบันด้วย จึงไม่ประสงค์ขอเอาเรื่องใดๆ
ซึ่งหลังจากที่แยกย้ายกันแล้ว ตำรวจสายตรวจได้กลับไป อยู่ๆ ชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของสถาบันได้เดินปรี่เข้ามาตบใบหน้าเด็กชายอย่างแรงถึง 2 ครั้ง พร้อมกับตะคอกถามประมาณว่า "มึงหนีทำไม!" เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ตนและเพื่อน รปภ.จึงช่วยกันห้ามไว้ ก่อนชายคนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของสถาบันจะดึงตัวเด็กชายเดินกลับไป โดยที่ตนไม่ทราบเรื่องอะไรอีกเลย จนกระทั่งมาทราบจากข่าวว่ามีเด็กในสถาบันดังกล่าวถูกทำร้ายเสียชีวิต
ในรายงานข่าวยังเผยอีกว่า เด็กนักเรียนซึ่งเป็นพยานในคดีนี้ยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นภายในสถาบันแห่งนี้ โดยระบุว่า เคยได้ยินเสียงดังเหมือนคนกระทืบเท้าออกมาจากห้องครัวบ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ จึงแอบเข้าไปดู ปรากฏว่าเห็นน้องชายแดนโดนพวกหัวโจกรุมทำร้ายสภาพหมดทางสู้
“วันแรกๆ ก็อาจจะโดนเบาหน่อย วันที่สองก็จะเริ่มรุนแรงมากกว่าเดิม มีมือมีเท้าเข้ามา หนักขึ้นก็เปลี่ยนเป็นใช้ไม้เบสบอล หรืออีกชื่อที่คนในสถาบันจะเรียกกันว่า “หมอน” ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่น้องชายแดนถูกทำร้ายอยู่บ่อยครั้งนั้น มาจากการที่น้องท่องศัพท์ภาษาอังกฤษวันละ 20-30 คำไม่ได้”.