พ่อวอนฟังหูไว้หู รับเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้ลูก
จากกรณีเหตุการณ์ระทึกเมื่อช่วงสายของวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มวินรถจยย.รับจ้าง 2 กลุ่ม ยกพวกตีกัน เนื่องจากไม่พอใจ วินอีกกลุ่มที่มาตั้งแย่งลูกค้า ภายในซอยอุดมสุข (สุขุมวิท 103) โดยขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ตำรวจ บก.สปพ. (191) เข้าระงับเหตุ แต่กลุ่มวินยังคงไล่ตีกันไม่ยั้ง ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านและผู้สัญจรผ่านไปมา จนมีคนโดนกระสุนปืนลูกหลงเสียชีวิต 2 ราย โดยรายแรกเป็นหนุ่มเคอรี่ที่ถูกลูกหลง อีกรายอยู่ในกลุ่มที่ทะเลาะวิวาทกันแต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นฝ่ายใด
ต่อมาตำรวจสามารถจับผู้ต้องหา 2 ใน 3 ราย ที่ปรากฏชื่อตามหมายจับ คือนายปิยะ พวงเกษตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลพระโขนงที่ 267/2562 ลงวันที่ 16 มิ.ย.2562 และ นายรังสรรค์ ศรไชยากร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลพระโขนงที่ 268/2562 ลงวันที่ 16 มิ.ย.2562 โดยสามารถจับกุมนายเจริญ หรือต่อ เจริญผล ข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด .45 มม. 1 กระบอก อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบอาวุธปืนดังกล่าวว่าใช้ก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิตหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (16 มิถุนายน 2562) ทาง รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว 3 ราย คือ นายเจริญ เจริญผล หรือ ต่อ, นายรังสรรค์ ศรไชยากร สวมเสื้อวินเบอร์ 65 และนายปิยะ พวงเกษร หรือ หมู และได้ออกหมายจับเพิ่มอีก คือ นายวันชัย มงคลเข็ม หรือ อ้ำ และอีก 4 ราย เบื้องต้นตอนนี้ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา 4 ข้อหา คือ
ร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
ร่วมกันพกพาอาวุธเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันยิงปืน ซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน
โดย พล.ต.ท. สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เปิดเผยว่า ปมปัญหาหลักของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากเรื่องการแย่งลูกค้าบริเวณหน้าปากซอย คือวินหน้าธนาคารเป็นวินใหม่ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนถูกต้อง แย่งลูกค้าของทางวินในซอย 1 ที่เป็นวินคู่กรณีที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง และขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบกระแสข่าวที่ว่า นายประมุข หัวหน้าวินซอย 1 มีการเก็บค่าหัววินคนละ 3,500 บาทต่อเดือน จนเป็นเหตุให้วินย้ายออกไปขี่กับวินใหม่ จนเกิดการเขม่นกันระหว่าง 2 วิน และแย่งลูกค้ากัน ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ทั้งนี้ นายตง วิเชียรดิลกกุล อายุ 72 ปี พ่อของนายประมุข เจ้าของวินซอย 1 เปิดเผยยืนยันว่า ลูกชายไม่ได้มีการเรียกเก็บเงิน 3,500 บาท เป็นค่าหัววิน และยืนยันว่าวินซอย 1 ถูกวินคู่กรณีทำร้ายก่อน โดยลูกชายถูกฟันหัวและกกหู ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้วินซอย 1 รวมตัวไปแก้แค้นจนเกิดเป็นเรื่องวิวาท โดยคนที่ฟันลูกชายคือ นายวีรวัฒน์ หนุ่มเคอรี่ผู้เสียชีวิต
ขณะที่ นางแดง แม่ของนายวีรวัฒน์ เปิดเผยที่งานศพ ยอมรับว่า ลูกชายอยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่ความตั้งใจจริง ๆ คือจะไปซื้อของ ลูกตนไม่เคยมีปัญหากับใคร ส่วนเรื่องค้อนในมือจากคลิปที่ใช้ตีนายประมุขนั้น ตนไม่รู้ว่าลูกไปเอามาจากไหน เพราะตอนที่ลูกกลับมาบ้าน เห็นมามือเปล่า ก่อนจะมาถูกยิงที่หน้าบ้าน ส่วนเรื่องเสื้อที่เปลี่ยนนั้น ไม่ใช่ลูกมาเปลี่ยนเพื่อหนีความผิดหลังไปก่อเหตุ แต่ตนเป็นคนเปลี่ยนให้ เพราะหลังลูกโดนยิง ตัวลูกเปื้อนเลือดเยอะ เลือดไหลเยอะมาก ตนและสามีจึงพยายามเปลี่ยนให้ลูก ก่อนที่ลูกจะเสียชีวิต
นางแดง กล่าวว่า ตอนนี้ยอมรับว่าเครียด หลังลูกถูกกระแสโจมตี จึงอยากให้สังคมเห็นใจพวกตน เพราะลูกตนก็ตายไปแล้วคงจะมาเรียกร้องอะไรไม่ได้
ด้าน พ่อของนายวีรวัฒน์ ยอมรับว่า ตนเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้ลูกจริง เพราะต้องการจะตรวจดูว่าลูกมีแผลที่จุดไหนอีกบ้าง ประกอบกับต้องการถอดเสื้อมาซับเลือดลูก ส่วนกระแสข่าวจากคลิปที่อ้างว่าลูกใช้ค้อนทำร้ายคน ตนอยากให้สังคมฟังหูไว้หู เพราะอาจจะไม่ใช่ลูกตนก็ได้ พร้อมยืนยันว่าลูกชายเป็นคนขยัน และเป็นที่รักของครอบครัว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางนา เปิดเผยถึงกรณีนายวีรวัฒน์ ว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่านายวีรวัฒน์ไม่ได้เสียชีวิตเนื่องจากโดนลูกหลง แต่เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ จะถือว่ากระทำผิดและต้องได้รับโทษ แต่เนื่องจากผู้กระทำผิดได้เสียชีวิตไปแล้ว ทางกฎหมายจึงถือว่าผู้กระทำผิดถึงแก่ความตาย และต้องแยกเป็นคนละส่วนกับกรณีที่มีผู้ที่ลงมือยิงจนทำให้นายวีรวัฒน์เสียชีวิต