ข่าวญี่ปุ่นในมุมมืด เด็กนักเรียนหญิง ป. 5 วัย 11 ขวบ ถูกกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายแก๊งอันธพาลรุมกลั่นแกล้งอย่างยาวนานเกือบสองปี แต่ครูไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
Kanapat Sriwantha ถึง The Wild Chronicles Group สมาคมผู้สนใจประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ โพสต์แชร์เรื่องราว.....ข่าวญี่ปุ่นในมุมมืดวันนี้รายงานมาจากอำเภอ Suita จังหวัด Ōsaka เด็กนักเรียนหญิงชั้นปอ 5 วัย 11 ขวบ
ถูกกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายแก๊งอันธพาลรุมกลั่นแกล้งอย่างยาวนานถึงเกือบสองปี โดยที่ครูไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว จนท้ายที่สุดเธอถูกทำร้ายร่างกายจนขาหักและตาบอดค่อยเป็นข่าว และครูอาจารย์ คณะกรรมาธิการการศึกษาค่อยออกมา
ยอมรับผิดและโค้งขอโทษตามเคยนั่นแหละ ทำไมเด็ก
นักเรียนชายชาวญี่ปุ่นมันร้ายกาจอย่างนี้นะ ไม่เข้าใจ อยากจับโยนลงบ่อจระเข้จริงๆไอ้พวกนรกส่งมาเกิด
ปี 2015-2017 เด็กนักเรียนหญิงคนนี้ได้เขียนรายงานลงในแบบสอบถามของโรงเรียนและระบุชื่อว่าเธอถูกเพื่อนชายร่วมชั้นเรียนห้าคนรุมกลั่นแกล้งโดยการ 😾😾😾
😾 ขว้างลูกบอลเข้าใส่ขาเธอหลายครั้ง
😼 ไล่ตามเธอไปจนถึงชั้นสองของบ้านตอนเลิกเรียน
😾 นินทาว่าร้ายครอบครัวของเธอ
😾 เตะเธอ ผลักเธอลงจากบันได
🙀 ใช้ร่มและไม้กวาดทุบตีเธอ
😾 ต่อยเข้าที่ตัวเธอ
😾 เอาซากกบตายแขวนใส่กระเป๋าหนังสือของเธอ
😿 ปิดประตูขังเธอไว้ในห้องน้ำ
😾 ข่มขู่เธอว่าถ้าไปบอกใครจะรุมทำร้ายน้องชายและญาติของเธอ เธอจึงพยายามอดทนเพราะกลัวว่าน้องชายและคนอื่นๆจะถูกทำร้ายร่างกายไปด้วย
เธอพยายามขอความช่วยเหลือจากครูประจำชั้น แต่ครูกลับเพิกเฉย ไม่สนใจและไม่รายงานครูใหญ่
โดยครูประจำชั้นบอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกนะเออ แต่ในที่สุดแม่ของเธอเริ่มสังเกตเห็นว่าทำไมข้าวของเครื่องใช้ของลูกสาวทุกอย่างถึงพังเร็วจัง
( เธอถูกแก๊งเด็กนรกพังร่มทุกครั้งที่ฝนตกและพกร่มไปโรงเรียน พวงกุญแจก็ถูกทำลายตลอด ) และไอ้พวกแก๊งเด็กนรกพยายามจะปิดปาก ข่มขู่เธอด้วยวิธีต่างๆนานา
จนในที่สุดเธอถูกผลักตกลงจากบันไดจนขาซ้ายหัก และด้วยการสะสมความเครียดมาโดยตลอดคนเดียวทำให้เธอถึงกับล้มป่วยเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งแพทย์
ยืนยันว่าเกิดจากภาวะความเครียดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเป็นเวลานาน ( สายตาพร่ามัวเกือบบอด )
โดยที่ในระยะเวลาเกือบสองปีครูไม่เคยสนใจและรับรู้ปัญหาของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เวรกรรม 🥺🥺🥺
จนในท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมดค่อยถูกเปิดเผยออกมาเมื่อพ่อแม่ของเธอได้ว่าจ้างทนายความให้รวบรวมหลักฐานและฟ้องร้องไปยังคณะกรรมาธิการการศึกษาของอำเภอนั่นแหละ เรื่องถึงแดงออกมาในที่สุด จนทำให้ทั้งประธานคณะกรรมการการศึกษา ครูใหญ่ ครูที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องออกมาแถลงข่าวยอมรับผิดและโค้งขอโทษตามเคย
ทนายความผู้เสียหายได้ตำหนิโรงเรียนอย่างรุนแรงที่เพิกเฉยต่อปัญหานี้ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับอนาคตของชาติ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญถึงกับได้ออกกฎหมายและให้แนวทางจัดการไว้แล้ว ถ้าครูที่โรงเรียนสนใจรับฟังเสียงน้อยๆของเธอตั้งแต่ตอนแรก เหตุการณ์คงจะไม่บานปลายจนกลายเป็นเรื่องเศร้าแบบนี้อย่างแน่นอน
ขอให้เพื่อนๆชาวอ้อคซังทั้งหลายหมั่นตรวจสอบ หมั่นสอบถามลูกหลานของท่านด้วยว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม อย่างไรที่โรงเรียน บางทีเด็กก็กลัวเกินกว่าจะกล้าเปิดปากพูดอะไรออกมา พ่อแม่ต้องเป็นที่พึ่งของลูกในทุกสถานการณ์