วิธีเลือกเครื่องปั่นให้ตอบโจทย์กับทุกความต้องการ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ เครื่องปั่นน้ำผลไม้ได้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในครัวเรือนเลยก็ว่าได้ จะเห็นได้ชัดเลยว่าเดี๋ยวนี้ ผู้คนสนใจและใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำเครื่องปั่นมาปั่นวัสถุดิบต่าง ๆ ที่จะใช้ประกอบอาหารได้อีกด้วย เช่น พริก กระเทียม และอื่น ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งตำให้เปลืองแรง เรียกได้ว่าถ้าซื้อมาแล้วได้ใช้งานอย่างแน่นอน แต่ก่อนซื้อสิ่งสำคัญเราควรต้องรู้ถึงวิธีในการเลือกซื้อเครื่องปั่นเพื่อจะให้ได้เครื่องปั่นที่มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการใช้งานของเรา อย่ารอช้าค่ะมาดูกันเลยดีกว่า
วิธีเลือกเครื่องปั่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- Lifestyle
ก่อนอื่นเราต้องดูความต้องการของเราก่อนนะคะ ว่าเรานั้นต้องการเครื่องปั่นไปใช้ในการทำอะไร จะปั่นน้ำผลไม้ ปั่นเครื่องเทศอยู่ที่บ้าน หรือจะปั่นขายเป็นอาชีพเลย เพื่อที่จะได้กำหนดขอบเขตของคุณสมบัติเครื่องปั่นได้ค่ะ
เครื่องปั่นนั้นจะมีอยู่สองแบบ คือแบบที่ไม่ใหญ่แต่เน้นไปในเรื่องของความความรวดเร็ว และสะดวกสบายในการพกพา และแบบขนาดใหญ่การใช้งานครบครันแต่ใช้งานได้แค่อยู่ในครัว
แบบแก้ว ซึ่งก็จะเหมาะกับการใช้เป็นเครื่องปั่นน้ำผลไม้สดเป็นหลัก ปั่นแล้วดื่มได้ทันที โดยบางรุ่นมีฝาปิดสามารถพกเป็นกระบอกน้ำได้เลยก็ยังได้
แบบมือจับ คือเครื่องปั่นหรือบดที่เรานำไปปั่นในภาชนะของเราได้เลยโดยไม่ต้องใส่โถ สะดวกต่อการพกพา และสามารถปั่นในภาชนะที่เล็กหรือใหญ่ขึ้นได้
เครื่องปั่นแบบมาตรฐาน เหมาะสำหรับคุณแม่บ้านที่ต้องการเครื่องปั่นสำหรับงานครัว ก็ควรเลือกเป็น เครื่องปั่นแบบมาตรฐาน โดยปั่นได้ทีละจำนวนมากๆ และหลากหลายต่อความต้องการค่ะ
2.ฟังก์ชั่นการใช้งาน และกำลังในการปั่น
สำหรับฟังก์ชั่นของเครื่องปั่นก็จะมีประมาณนี้ค่ะ เราก็ควรเลือกเครื่องปั่นที่มีฟังก์ชั่นครบตามที่เราต้องการ
มีระบบ Low – High สามารถปรับความเร็วและความแรงของเครื่องปั่นได้
Ice Breaker สำหรับปั่นน้ำแข็ง สมูตตี้
Stir สำหรับกวน หรือคน
Puree สำหรับบดละเอียด
Crumb สำหรับบดหยาบๆ พวกแครกเกอร์ ทำขนมเป็นต้นค่ะ
Blend สำหรับปั่น
ส่วนวิธีสังเกตกำลังไฟของเครื่องปั่น ส่วนมากจะอยู่ที่ฐานของเครื่องปั่นหรือตามกล่อง โดยจะมีสัญลักษณ์ W บอกอยู่ค่ะ ซึ่งเครื่องปั่นนั้นกำลังไฟไม่ควรต่ำกว่า 200 W แต่หากนำไปประกอบอาชีพควรมีกำลังปั่นอย่างน้อย 600 W ขึ้นไป แต่ถ้าขายดี เกินวันละ 100 แก้วก็ควรเป็น 1,000 W ขึ้นไปเลยค่ะ เพราะถ้ากำลังปั่นน้อยแต่เราใช้งานหนักมากเกินไป มอเตอร์อาจจะไหม้ หรือเสื่อมสมรรถภาพลงได้เร็วค่ะ
3.วัสดุอุปกรณ์
การเลือกของทุกอย่างเรามองข้ามเรื่องวัสดุอุปกรณ์กันไม่ได้เลย เครื่องปั่นก็เช่นกันค่ะ วัสดุอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นโถปั่น ใบมีด ก็ควรเป็นวัสดุที่ดี มีคุณภาพ และทนทาน
4.งบประมาณ
ที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยคือ งบประมาณ เมื่อเรากำหนดความจำเป็นของเราได้แล้วขั้นต่อมาก็ถึงเวลากำหนดราคา ว่าเรามีงบประมาณเท่าไหร่ ถ้าสำหรับคุณแม่บ้าน ที่ความจำเป็นในการใช้งานก็มีแค่การปั่น ราคาก็อาจจะไม่สูงมาก
เป็นยังไงบ้างค่ะ กับวิธีการเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานที่เราเอามาฝาก หวังว่าทุกคนจะลองเอาไปใช้ในการเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั่นน้ำผลไม้หรือเครื่องปั่นอื่น ๆ กันดูนะคะ เพื่อความคุมค่ากับการใช้งานและกับเงินที่เสียไป