ทศพิธราชธรรม บทที่ ๓๐ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
ทศพิธราชธรรม บทที่ ๓๐ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia / บทกลอนโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามครั้งที่สอง
จึงเป็นรองให้แก่จีนแผ่นดินใหญ่
ผู้พร้อมส่งทหารมาเมืองไทย
ด้วยเงื่อนไขปลดอาวุธชาวคว้านพุง
เหล่าทหารซามูไรใจเหี้ยมโหด
ฆ่าฝ่ายโจทก์อสงไขยไล่ถลุง
ทั้งทหารพลเรือนนอกในกรุง
แค้นจึงพุ่งทั่วไปในเอเชีย
แต่เราเป็นราชอาณาจักร
มีศรีศักดิ์พอตัวยากเสื่อมเสีย
จึงทำให้จีนในไทยอาตี๋เฮีย
พร้อมนัวเนียเป็นศึกใหญ่ในเขตคาม
ต้องเป็นผู้เป็นกลางอย่างยอดยิ่ง
ต้องเป็นมิ่งเป็นขวัญแห่งสยาม
ต้องกล้าหาญกล้าไปในสงคราม
จึงห้ามปรามห้ามได้ในทันที
กษัตริย์หนุ่มพระชนม์เพียงยี่สิบ
ราวน้ำทิพย์จากสวรรค์ชั้นสุดศรี
หลั่งจากฟ้าลงสู่ปฐพี
อาบฤดีปลุกสติประชาชน
ทรงเสด็จสำเพ็งสร้างสัมฤทธิ์
ชาววานิชวางมือทั่วแห่งหน
หยุดทันทีหยุดเถื่อนเหมือนถูกมนต์
มหิดลอานันทอาชาไนย
เริ่มปกครองด้วยการบริจาค
ทรงยอมฝากพระชนม์ชีพไม่หวั่นไหว
ราชดำเนินย่างพระบาทอย่างเสี่ยงภัย
ดำเนินไปสี่ชั่วโมงนานชั่วคน
ทุกวันนี้พวกเรายังปลาบปลื้ม
ยังด่ำดื่มน้ำพระทัยดั่งสายฝน
ภาพขาวดำในตรอกซอยแห่งมณฑล
ย่างยุคลบาทไปไม่หวาดกลัว
แต่ไม่นานพวกเรากลับปลาบแปลบ
ใจยอบแยบแสบทุรนหม่นสลัว
ทรงจากไปในทันใดไม่ไหวตัว
เพียงแค่ชั่วแค่เสี้ยววินาที
บริจาคพระชนม์ชีพให้มิจฉา
ให้ปัญญาแก่โมหะละบัดสี
ให้สำนึกแก่พาโลเปลี่ยนฤดี
ให้อารีแก่โลภะละย่ามใจ
พระชนกรับพระองค์กลับอ้อมกอด
ทรงหอมฟอดพระโอรสพระปรางใส
หน่อบดินทร์ทำหน้าที่งามวิไล
ภูวไนยเปรียบภูผาบารมี
จากสำเพ็งเดินมาวัดสุทัศน์
ใจกระหวัดนึกถึงองค์พระทรงศรี
ทุกวันนี้ทุกไทยอยู่ด้วยดี
อยู่สุขีปรองดองด้วยพระองค์