ทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ญี่ปุ่นหากินในไทย ผู้ให้เช่าควรสอดส่องพฤติกรรมผู้เช่า
การที่ผู้ให้เช่าคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องพฤติกรรมผู้เช่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อาจทำให้ผู้เช่ารู้สึกไม่สบายใจหรือโดนคุกคาม แต่จริงๆแล้วคอยสอดส่องในกรณีที่ผิดแผกไปจากปกติ เราอาจจะเคยเห็นกรณีจากหลายๆ ข่าว ที่ผู้ให้เช่าห้องเปิดห้องที่ผิดปกติ สรุปว่า เจอทั้งขยะเต็มห้อง คละคลุ้งเน่าไปหมด หรือสัตว์เลี้ยงตายหลายเกลื่อน และในกรณีนี้เช่นกัน การจับผิดสังเกตของผู้ให้เช่า นำมาซึ่งการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์จากญี่ปุ่นที่เข้ามาหากินในไทยมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท
เหตุการณ์ล่าสุดตำรวจไทยเข้าจับกุมชาวญี่ปุ่น 15 รายข้อหาใช้ไทยเป็นฐานคอลเซนเตอร์หลอกลวงชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง และยังเป็นแก๊งผู้ต้องหาที่ญี่ปุ่นหมายหัวไว้เพราะมีการพัวพันกับแก๊งยากูซ่าที่ญี่ปุ่น ในบ้านพักหรูหรา จ.ชลบุรี พร้อมสระว่ายน้ำ ค่าเช่าเดือนละ 65,000 บาท เนื่องจาก เจ้าของบ้านเช่าหลังนี้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เช่น มีโทรศัพท์จำนวนมากเกินไป (หลังเข้าจับกุม พบหลักฐานโทรศัพท์จำนวน 52 เครื่อง คอมพิวเตอร์จำนวน 19 เครื่องและ router ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตอีก 37 ตัว) พนักงานล้างสระว่ายน้ำยังเห็นผิดสังเกตว่าผ้าม่านปิดไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้มองเห็นภายในบ้าน ซึ่งผู้เช่าทั้งหมดไม่เคยออกจากบ้านเลย แต่ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์สูงมากทุกเดือน ตอนมีเหตุการณ์ส้วมเต็มภายในบ้าน ผู้เช่าญี่ปุ่นก็ไม่ให้จัดการ ไม่ให้เข้าบ้าน ประกอบกับข้อความที่ผนังบ้านที่ผู้เช่าแปะไว้ ตามรูปข้างล่าง
(ขอบคุณรูป MGRonline)
จึงทำให้ผู้ให้เช่าสงสัยว่าจะมีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นในบ้าน นำมาซึ่งการจับกุมผู้เช่าจำนวน 15 คนยกแก๊ง ผู้เช่าคือ นายโทโมอิ ชิมูรา โดยแก๊งนี้เข้ามาไทยด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 "ผ่อนผันให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ 30 วัน" ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 แก๊งนี้จะโทรไปหลอกคนญี่ปุ่นโดยหลอกว่าเป็นพนักงานติดตามหนี้ของบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น มีการปลอมแปลงเอกสารทวงหนี้ และปลอมหมายศาลส่งอีเมลล์ไปหาเหยื่อ ซึ่งมีผู้เสียหาย 500 คน มูลค่ากว่า 40 - 50 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ผู้เช่าเคยไปเช่าบ้านกันที่ฟิลิปปินส์ แต่ไม่ถูกจับกุม ก่อนจะมาถูกจับกุมที่ไทย ซึ่งทั้งหมดโดนข้อหา "เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ มาตรา 8 ประกอบมาตรา 101"
โดยขณะนี้ทางการได้ประสานงานกับทางญี่ปุ่นเพื่อส่งส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินการที่กฎหมายญี่ปุ่นต่อไป
และมีอีกหลายคดีที่ใกล้เคียงกันในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เช่น กรณีของนายคาซึยะ ฮาชิโมโตะ ถูกจับกุมที่ซอยเอกมัยซอย 5 ซึ่งทางการญี่ปุ่นต้องการตัวตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 โทษฐานปลอมแปลงเป็นตำรวจโทรข่มขู่ผู้เสียหายว่าบัญชีธนาคารมีการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยจึงต้งถูกตรวจสอบ รวมถึงคดีเก่า ๆ ของชาวชาติอื่นด้วยที่เป็นข่าวมากมายก่อนหน้านี้
เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมพวกแก๊งคอลเซนเตอร์ชอบมาหากินและใช้ประเทศเราเป็นฐาน หรือเป็นเพราะประเทศเราไม่ได้มีการควบคุมการรับเข้า ส่งออก ข้อมูลไฟเบอร์หรือกฎหมายไม่รัดกุม ฉะนั้น ผู้ประกอบการให้เช่าหรือคนข้างห้องจึงเป็นตัวช่วยหลักที่คอยเป็นหูเป็นตาและรายงานต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันเวลา
www.77kaoded.com/content/389830, https://mgronline.com/japan/detail/9620000036550
และข่าวจากไทยรัฐ