ทศพิธราชธรรม บทที่ ๒๔ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทศพิธราชธรรม บทที่ ๒๔ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia / บทกลอนโดย เดชา เวชชพิพัฒน์
ทรงแปลงแคร่เป็นวอผ้าขี้ผึ้ง
ไม่พรั่นพรึงสายฝนในวสันต์
ผลัดภูษาเพื่อเข้าเฝ้างามครบครัน
ทุกคืนวันราชกิจติดตามงาน
แม้มีศักดิ์เป็นถึงพระองค์เจ้า
รู้ทันเท่ายึดติดจิตเผาผลาญ
พระองค์ทับทับอัตตากิเลสมาร
จึงโปรดปรานโปรดเกล้าวางพระทัย
ปฏิบัติราชธรรมแต่พ่างพื้น
กรมหมื่นเจษฎาอัชฌาสัย
เหล่าขุนนางยกเป็นภูวไนย
เป็นหลักชัยองค์ที่สามแห่งจักรี
ทรงป้องกันประเทศเป็นประสงค์
อนุวงศ์เจ้าลาวกู้ศักดิ์ศรี
อนุชนคนไทยจำได้ดี
เกิดสตรีวีระนามย่าโม
ทรงทำนุบำรุงศาสนา
เทพธิดาราชนัดดาใหญ่อักโข
ยานนาวาวัดแห่งสำเภาโต
ด้วยเดโชเกิดวิหารวิลาวัณย์
ไตรปิฎกสมบูรณ์สมประกอบ
ทรงตรวจสอบแก้ไขพิถีพิถัน
ยืมคัมภีร์ลังกาเปรียบเทียบกัน
ของรามัญก็นำใช้ให้ครบดี
มัทวะคืออ่อนโยนผู้เกี่ยวข้อง
ไม่ขุ่นหมองตั้งแง่แก่ศักดิ์ศรี
หมอบรัดเลย์ต้อนรับสู่ธานี
สอนปลูกฝีผ่าตัดการพิมพ์งาน
เกิดสนธิสัญญาฉบับแรก
ทำเพื่อแลกสัมพันธ์คู่ขนาน
ชื่อเบอร์นีเอกสารแห่งตำนาน
เป็นพื้นฐานเกียรติยศของชาติไทย
พระสามัญญานามคือเจ้าสัว
องค์เหนือหัวโดดเด่นล้ำสมัย
ทั้งการค้าการเงินทั้งนอกใน
สร้างปัจจัยให้แผ่นดินเงินถุงแดง
เกิดรายได้มากมายจากภาษี
จากคนมีพ่อค้าแตกแขนง
ภาษีฝางพริกไทยและเกลือแกง
รวมหวยแทงกอขอบ่อนพนัน
ทรงเชี่ยวชาญด้านการเรือสินค้า
สร้างมูลค่าพาณิชย์มากมหันต์
สี่หมื่นชั่งในถุงชาดแสนสำคัญ
ส่วนหนึ่งนั้นใช้ช่วยไทยในต่อมา
วัดจอมทองจอมทัพประทับพัก
สัญลักษณ์กลมเกลียวสองภาษา
ไทยกับจีนร่วมกันเพื่อพารา
องค์ราชาเห็นการณ์ไกลแต่วัยเยาว์