ลือหึ่ง พรรคร่วม บีบ พลังประชารัฐ เปลี่ยนตัว ผู้จัดการรัฐบาล
วันที่ 13 พฤษภาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ถึงวันนี้ยอมรับว่าแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บางส่วน โดยเฉพาะ ในกลุ่มที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ต้องการกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอ ไว้กับ พปชร.ทั้งหมด จึงเชื่อว่า การเจรจากับพรรคขนาดกลาง และพรรคการเมืองต่างๆ จะยังไม่ได้ข้อยุติง่ายๆ
โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี 52 เสียง และ พรรคภูมิใจไทย 51 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะท่าที่ของนายสมคิด ที่จะยึดกระทรวงเศรษฐกิจ ล็อคไว้ที่คนของตัวเองเพียงกลุ่มเดียว รวมทั้งตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ดูงานด้านเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อน สินค้าเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านยากจนเพิ่มขึ้นและ หาก 3 พรรค ดังกล่าวยินยอม ก็ไม่สามารถ ผลักดันนโยบายเศรษฐกิจ ของตัวเองได้
จึงมีเสียง อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปลี่ยนตัวผู้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างๆราบรื่นขึ้น หรือ ยอมปล่อย กระทรวงเศรษฐกิจ หรือ รมช. กระทรวงเศรษฐกิจออกไปบ้างเพราะตำแหน่งนายกฯ และ กระทรวงด้านความมั่นคงอาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ก็ อยู่ในมือ พปชร.อยู่แล้ว
“ก่อนหน้านี้พรรคขนาดกลาง ยังหวั่นกระแสสังคมที่มีต่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรองหัวหน้า คสช. และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ที่เป็น คสช. เข้ามาในครม.ชุดหน้าโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งแตกต่าง จาก พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งท่ามกลางกระแสล่าสุดที่ไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจ จากการแต่งตั้ง ส.ว.สรรหา จำนวน 250 คน ที่เน้นระบบ พี่น้อง และ การเข้ามา จากคนในแม่น้ำ 5 สาย จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่” แหล่งข่าว พปชร. เผยเสียงสะท้อนจากพรรคขนาดกลาง
แหล่งข่าวจาก พปชร. กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการหารือกับ ส.ส.ใหม่ ของพรรคขนาดกลางหลายคน ยังเป็นกังวล 2 ประเด็นใหญ่ คือ
การเป็นรัฐบาล ของ พปชร. เสียงปริ่มน้ำ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลมี ส.ส.มากกว่าฝ่ายค้าน เพียง 10 เสียง ไม่สามารถ จะผ่านมติ ในสภาฯ ไปได้อย่างราบรื่น เพราะในความเป็นจริง รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.จะต้องมาร่วมประชุมสภาฯและอยู่ลงมติทุกครั้งซึ่งเป็นไปไม่ได้ รวมทั้งคนเป็นประธานและรองประธานสภาฯ ปกติตามมารยาททางการเมืองจะไม่ลงมติ
กระแสการต่อต้านจากสังคม และ ฝ่ายค้านที่นำโดย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทยที่จะเกิดขึ้นทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ ตลอดเวลา อาทิ การสืบทอดอำนาจจาก คสช. ทั้งใน ครม. และ แต่งตั้ง ส.ว. ที่เอาแต่ญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนฝูง และ คนใกล้ชิด และ มีปัญหาอื้อฉาว มาทำงานต่อโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งจะลดความน่าเชื่อถือ ของรัฐบาล และ ทุกพรรคการเมืองที่ร่วมงานข้างหน้า
“เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ดี เพราะเป็นพรรคที่คร่ำหวอดกับการเมือง กรณีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯด้วยคะแนนเสียงปริ่มน้ำ กระแสสังคมไม่ยอมรับ การบริหารประเทศติดขัด ต้องวุ่นอยู่กับปัญหาการเมืองแบบรายวัน ในที่สุดรัฐบาลประยุทธ์ก็อาจไปไม่รอด
พรรคขนาดกลาง จึงกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก และ พวกเขายอมรับว่าเครียดมากในการตัดสินใจ ซึ่งปชป. จะคุยเรื่องนี้ภายหลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเรียบร้อยในวันที่ 15 พ.ค. นี้ ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ขอเวลาไปหารือกับส.ส.ในวันที่ 16 พ.ค. นี้ก่อนเช่นกัน” แหล่งข่าวจากพปชร. เปิดเผย