"หลวงพี่เตี้ย" ชำแหละสังคมไทย บ้าเข้าวัดทำบุญ แต่ไร้น้ำใจ
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล หรือที่ในหมู่ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดเรียกว่า “หลวงพี่เตี้ย” เป็นพระผิวขาว ร่างเล็ก แต่เวลาเดินคล้ายกับท่านจะติดจรวดพ่วงเพิ่ม ก้าวขาปุ๊บปั๊บ ก็หายลับไปหลังกำแพงผู้คน ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์นักกิจกรรมหัวก้าวหน้าในจำนวนน้อยนิด ที่สามารถเชื่อมโยงความรู้ทางด้านพุทธธรรมมาอธิบายปรากฏการณ์ของชีวิต และสังคมในบริบทสังคมสมัยใหม่ได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม เข้าใจได้ง่าย และมีทักษะในการอธิบายหลักธรรมที่ยากและลึกซึ้งให้เห็นเป็นเรื่องใกล้ตัว ง่ายต่อการเข้าใจ ทำให้คนทั่วไปเห็นความสำคัญของเรื่องธรรม ว่าเป็นเรื่องที่น่าใคร่ครวญศึกษาและปฏิบัติ
ซึ่งวันนี้เราจะยกอีกหนึ่งข้อคิดสะท้อนสังคมที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยซึ่งพระ ไพศาล ได้เทศนาเล่าเรื่องราวของโยมท่านหนึ่งเอาไว้ว่า
“คุณนายแก้ว” เธอเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่ง คุณนายแก้วชอบทำบุญมาก เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่เนืองๆ ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ เธอปลื้มปิติมากที่ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน
แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรียนคนหนึ่งไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที
“สายใจ” พาป้าวัย ๗๐ และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนทั่วประเทศ
เช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญคับคั่ง จนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ สายใจพาหญิงชรา และ เพื่อนผู้พิการเดินกะย่องกะแย่งฝ่าแดดกล้าไปยังถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นผ่านไป แต่ตลอดเส้นทางเกือบ ๓ กิโลเมตร ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับขึ้นรถเพื่อไปส่งถนนใหญ่เลย
เหตุการณ์ทำนองนี้ มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดในสังคมปัจจุบัน “ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เรานับถือศาสนากันอย่างไร จึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก เหตุใดการนับถือศาสนา จึงไม่ช่วยให้คนมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก
การทำบุญ ไม่ช่วยให้เรามีเมตตา รู้จักแบ่งปัน หรือ กรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือ…?
หากสังเกตดีๆ จะพบว่า การทำบุญของเรานั้น มักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่ เรากลับละเลยกันมาก