ลูกสาวใช้เวลา 75 ปี ตามหาพ่อแม่ที่หายตัวไป ในที่สุดก็พบถูกฝังอยู่ในธารน้ำแข็งบนยอดเขา
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยเว็ปไซด์ต่างประเทศ คุณยาย Monique Gautschy Dumoulin ที่เฝ้าตามหา พ่อและแม่ วันแล้ววันเล่าทำใจแล้วว่าคงไม่มีโอกาสได้พบเจอกับพ่อแม่ของเธออีกแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดตามหา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 1942 Monique Gautschy Dumoulin กล่าวว่า วันนั้นอากาศแจ่มใสมาก ในตอน Monique อายุ 11 ขวบ ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Chandolin ในเทือกเขาแอลป์ หมู่บ้านแห่งนี้มีประวัติอันยาวนาน มีหนังสือโบราณบันทึกไว้ว่า มันเป็นบ้านเกิดของนักเขียนชาวสวิสชื่อดัง Ella Maillart
หมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรอาศัยประมาณหนึ่งพันคนและเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบมาก พ่อแม่ของ Monique ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในหมู่บ้าน คุณพ่อ Marcelin อายุ 40 ปี มีอาชีพเป็นช่างทำรองเท้า ส่วนคุณแม่ Francine อายุ 37 ปี มีอาชีพเป็นครู ทั้งคู่เป็นคนที่ซื่อสัตย์และขยัน นอกจากงานประจำแล้ว พวกเขายังได้เลี้ยงวัวเพื่อหารายได้เพิ่ม เขามีลูกด้วยกันกว่า 7 คน เป็นลูกชายห้าคนและลูกสาวสองคน Monique เป็นลูกสาวคนโต ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
วันที่ 15 สิงหาคม วันนั้นเป็นวันเสาร์ ในตอนเช้าเมื่อเด็กๆ คนอื่นกำลังนอนหลับอยู่ Monique เห็นพ่อแม่เก็บสิ่งของและเตรียมออกไปข้างนอก พ่อดูอารมณ์ดีมากและร้องเพลงตลอด เขามากอด Monique และบอกเธอว่าพวกเขากำลังไปที่ทุ่งหญ้าเพื่อรีดนมวัว อาจจะกลับมาในตอนเย็นหรือถ้าเหนื่อยมากก็จะค้างที่โน่นคืนหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นค่อยกลับมา งานรีดนมวัวเป็นงานที่พ่อแม่ทำประจำอยู่แล้ว Monique จึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่วันนั้นเธอมีความรู้สึกผิดปกติ เธอรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอดๆ
ตอนเย็นพ่อแม่ไม่ได้กลับมา คอยจนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่ได้กลับมา เธอเริ่มรู้สึกเครียดและเป็นห่วงมาก งานรีดนมวัวเป็นงานที่พ่อแม่ทำประจำอยู่แล้ว เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่วันนั้นเธอมีความรู้สึกผิดปกติ เธอรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอดๆ ตอนเย็นพ่อแม่ไม่ได้กลับมา คอยจนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นก็ยังไม่ได้กลับมา เธอเริ่มรู้สึกเครียดและเป็นห่วงมาก
ฉันวิ่งไปหาเพื่อนบ้านในหมู่บ้านถามเขาว่าเห็นพ่อแม่ฉันกลับมาไหม เมื่อเขาตอบว่ายังไม่เห็นกลับมา ฉันก็เริ่มร้องไห้ ฉันรู้ว่าต้องมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพ่อแม่ฉันแน่นอน
Monique ไปขอความช่วยเหลือกับบาทหลวงในหมู่บ้าน บาทหลวงได้พาชาวบ้านไปตามหาบริเวณทุ่งหญ้าที่พ่อแม่ไปรีดนมวัว วัวยังอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีร่องรอยของพ่อแม่เธอเลย
บ้านของ Monique อยู่ไม่ไกลจากทุ่งหญ้า พ่อแม่ไปที่โน่นทำงานเป็นประจำ ไม่มีทางที่จะหลงทาง ต่อมาทั้งหมู่บ้านก็ไปตามหาพวกเขาที่ภูเขาละแวกนั้นแต่ก็ไร้ร่องรอย หลังจากนั้นมาชีวิตของเด็กๆ ทั้ง 7 คนก็ยากลำบากมาก เพราะ Monique เป็นลูกสาวคนโต สามสัปดาห์แรกที่พ่อแม่หายตัวไป เธอต้องทำกับข้าว สักผ้า รีดนมวัว เลี้ยงดูแลน้องๆ ทั้ง 6 คนเอง
ต่อมาวันหนึ่ง บาทหลวงมาหาที่บ้านและบอกกับพวกเขาว่า พวกเขาเป็นเด็กกำพร้า ต้องแยกย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ เพราะต้องรีบไปครอบครัวใหม่ บาทหลวงไม่ได้ให้พวกเขาเอาของที่ระลึกของพ่อแม่ติดไปสักชิ้น พี่น้องทั้ง 7 คนต่างแยกย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่รับไปเลี้ยงดู
ไม่มีพ่อแม่ ทุกอย่างมันแย่จริงๆ เราต้องแยกกันอยู่ ชีวิตลำบากมาก ทุกคนถูกส่งไปยังสวนผัก ทุ่งหญ้า ทุ่งนา สวนองุ่น ต้องทำงานหนักทุกวัน แม้ว่าเราจะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เพราะเราต้องทำงานทุกวัน เราแทบไม่มีเวลาเจอกันเลย หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป ชีวิตของเราแย่มากๆ
ยังไงก็ตาม เด็กๆ ยังคงตามหาพ่อแม่มาตลอด โดยเฉพาะ Monique เธอรู้สึกเสียใจมากๆ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่จำเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจนในวันที่พ่อแม่ของเธอหายตัวไปเธอขึ้นไปภูเขาหิมะที่พ่อแม่ของเธออาจจะเดินผ่าน หาอย่างระเอียดอย่างน้อยสามครั้งขึ้นไป แต่นอกจากหิมะและลมแล้ว ไม่มีร่องรอยเกี่ยวกับพ่อแม่อะไรเลย
เธอไม่ยอมตายใจ ในวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี เธอต้องมาที่ภูเขาหิมะแถวนี้เพื่อสวดมนต์และตามหาพ่อแม่ บางครั้งก็จะพบเจอน้องๆ ที่มาหาพ่อแม่เช่นกัน เด็กทั้ง 7 คนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาพ่อแม่ของพวกเขาอย่างไม่หยุด จนกระทั่งพวกเขาแก่ตัวและขาก็เริ่มเดินไม่สะดวก
ในช่วง 75 ปีที่พ่อแม่หายตัวไป ลูกชายทั้ง 5 คนเสียชีวิตไปหมดแล้ว เหลือเพียงลูกสาวคนโต Monique วัย 86 ปีและลูกสาวคนเล็ก Marceline วัย 79 ปี ถึงจะไม่มีแรงไปขึ้นภูเขาตามหาพ่อแม่อีกแล้ว แต่พวกเธอยังคงสวดมนต์และคิดถึงพ่อแม่เหมือนเดิมใช้เวลา 75 ปีก็หาไม่เจอ คงไม่มีทางหาพ่อแม่เจออีกแล้วล่ะ แต่แล้วก็มีเรื่องปริศนาได้เกิดขึ้น อยู่มาวันหนึ่ง Monique และน้องสาวของเธอได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจสวิสแจ้งว่า พวกเขาได้พบศพของพ่อแม่พวกเธอในธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์
ลิฟท์สกีรีสอร์ทตั้งอยู่บนภูเขาหิมะแถวนั้น ในขณะที่คนงานของรีสอร์ทกำลังติดตั้งลิฟท์สกีอยู่ เขาสังเกตเห็นมีบางสิ่งที่เป็นจุดสีดำยื่นออกมาจากน้ำแข็ง ดูเหมือนก้อนหินสีดำมาก
เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่ามันเป็นรองเท้าบูทและหมวกสองใบ แล้วยังมีศพถูกฝังอยู่ในธารน้ำแข็ง คนงานได้เรียกเจ้าของรีสอร์ท Bernard Tschannen มาดู เขาสังเกตเห็นว่าสภาพศพที่พบนั้นพวกเขาสวมเสื้อผ้าในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ค้นพบบัตรประชาชนในกระเป๋าเสื้อ ทีนี้ถึงได้แน่ใจว่าคู่รักนี้เป็นคู่รัก Dumoulin ที่หายตัวไปเมื่อ 75 ปีที่แล้ว เมื่อนำภาพถ่ายไปให้ Monique ดู เธอจำได้ว่ามันเป็นนาฬิกาพกของพ่อ
ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะเน่าเสียและเป็นสีดำไปหมด แต่ดูเหมือนว่าเวลาจะย้อนกลับไปเมื่อ 75 ปีก่อน สภาพที่พ่อแม่กำลังจะออกจากบ้านไป เจ้าของรีสอร์ท Bernard Tschannen บอกกับสื่อว่าสาเหตุของการเสียชีวิตของทั้งคู่ คาดว่าพวกเขาอาจจะหล่นลงไปในรอยแยกและติดอยู่ในนั้นจนตาย สภาพศพของทั้งคู่ยังคงดีอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อากาศที่เย็นและแห้งบนเทือกเขาแอลป์ส่งผลให้กระบวนการย่อยสลายเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า จึงได้มีโอกาสพบศพของทั้งคู่
Monique และน้องสาวของเธอตื่นเต้นมาก เรื่องที่คาใจมาตลอดทั้งชีวิต ในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจและสงบเสียที พวกเธอเคยคิดครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ศพของพ่อแม่นอนอยู่ที่ไหน พวกเขาจากไปอย่างไร ตอนนี้ทุกอย่างมีคำตอบแล้ว หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป เนื่องจากไม่สามารถหาศพของพวกเขาเจอ จึงไม่เคยจัดงานศพให้กับพวกเขา สองคนวางแผนว่าจะจัดงานศพให้กับศพของพ่อกับแม่
เราใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาพวกเขาอย่างไม่หยุด หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถจัดงานศพที่พวกเขาสมควรได้รับเสียที และแน่นอนว่างานศพนั้นเราจะไม่สวมชุดสีดำ ฉันคิดว่าสีขาวซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหวังที่ไม่เคยหมดไปของฉันเป็นสีที่เหมาะสมสำหรับพวกเขามากกว่า หลังจากการตามหา 75 ปี ในที่สุดก็หาจนเจอ