เริ่มแล้ว! บรูไนบังคับใช้กฎหมาย ประหาร-ปาหิน ชายรักร่วมเพศ
เริ่มแล้ว! บรูไนบังคับใช้กฎหมาย ประหาร-ปาหิน ชายรักร่วมเพศ
ใครมีแผนการเดินทางไปบรูไนต้องรู้ เพราะวันนี้ (3 เม.ย.) เค้าได้เริ่มมีการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ที่มีบทลงโทษรุนแรง อาทิ โทษประหารชีวิตด้วยการปาหินใส่ชายที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน และผู้ประพฤติผิดฐานคบชู้
กฎหมายฉบับนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย. โดยนอกจากความผิดข้างต้นแล้ว ยังกำหนดบทลงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้กระทำผิดร้ายแรง เช่น ข่มขืน การที่ชาวมุสลิมมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส การปล้นทรัพย์ และการดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด นอกจากนี้ยังมีการกำหนดโทษเฆี่ยนประจานในที่สาธารณะสำหรับผู้ทำแท้ง การตัดอวัยวะผู้ทำผิดฐานลักทรัพย์ รวมทั้งกำหนดให้การทำให้เด็กมุสลิมได้สัมผัสกับศาสนาและความเชื่ออื่นใดนอกจากศาสนาอิสลามเป็นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย
ข่าวการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เช่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการบรูไน หยุดแผนการประกาศใช้บทลงโทษที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมฉบับนี้ทันที โดยบรูไนถือเป็นอีกประเทศที่ยังมีโทษประหารชีวิต แต่ในทางปฏิบัตินั้น ไม่มีการประหารชีวิตมาตั้งแต่ปี 1957 แล้ว โดยในปี 2014 บรูไนเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกที่บังคับใช้กฎหมายชารีอะห์หรือกฎหมายอิสลาม ซึ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย
นางมิเชล บาเชเลต ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลบรูไนยับยั้งการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญาที่มีบทลงโทษรุนแรงนี้ ชี้เป็นกฎหมายที่โหดร้ายทารุณ ไร้มนุษยธรรม และละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นยังเน้นย้ำว่า กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศมักบังคับใช้โทษประหารชีวิตเฉพาะกับการกระทำผิดอาญาฐานฆาตกรรม หรือการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังจากมีการพิจารณาคดีที่เป็นไปตามกระบวนการที่กำหนดไว้อย่างสมบูรณ์
นางบาเชเลต ยังชี้ว่า กฎหมายฉบับนี้ยังส่งเสริมให้มีการละเมิดสิทธิและเลือกปฏิบัติต่อสตรี รสนิยมทางเพศ และชนกลุ่มน้อยผู้นับถือศาสนาอื่นในบรูไน
"สิทธิมนุษยชนและศาสนาไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามกัน อันที่จริงมันคือการตีความของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาล หน่วยงานทางศาสนา และภาคประชาสังคมต้องทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเสมอภาคของประชาชนทุกคน" นางบาเชเลต กล่าว
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จอร์จ คลูนีย์ นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เรียกร้องให้สังคมคว่ำบาตรโรงแรมหรู 9 แห่งที่เกี่ยวข้องกับบรูไนเพื่อแสดงการประท้วงการเตรียมใช้กฎหมายรุนแรงฉบับนี้ โดยเฉพาะกฎหมายต่อต้านผู้มีพฤติกรรมชายรักชาย
คลูนีย์ เขียนในคอลัมน์เว็บไซต์บันเทิง Deadline ว่า "บรูไนเป็นประเทศที่มีกษัตริย์เป็นประมุข และแน่นอนว่าการคว่ำบาตรคงจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงกฎหมายฉบับนี้...แต่เราจะจ่ายเงินให้กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนเหล่านี้จริง ๆ หรือ"
เขาระบุว่า โรงแรมในเครือดอร์เชสเตอร์ คอลเล็กชัน (Dorchester Collection) ในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลี เช่น โรงแรมเบเวอร์รี่ฮิลส์ ในนครลอสแอนเจลิส เป็นของสำนักงานการลงทุนบรูไน ซึ่งมีกษัตริย์บรูไนเป็นเจ้าของ
เมื่อปี 2014 คนบันเทิงชื่อดัง เช่น เอลเลน ดีเจนเนอริส และสตีเฟน ฟราย ก็ประกาศคว่ำบาตรกลุ่มธุรกิจนี้ต่อกรณีที่บรูไนบังคับใช้กฎหมายต่อต้านกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน
ด้านกรมการกงสุลได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปบรูไน หรือพำนักอาศัยในบรูไน ให้ทราบถึงบทลงโทษของกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีความรุนแรง และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายของอย่างเคร่งครัดและหลีกเลี่ยงการกระทำความผิด
แหล่งที่มา: https://variety.thaiza.com