เพื่อไทย เปิดทางพรรคร่วม เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง พรรค เพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย และพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงหลังพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งส.ส.มากสุดในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ต้องกราบขอบคุณทุกคะแนนเสียง เราจะมุ่งมั่นทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ถึงแม้เราจะส่งผู้สมัครส.ส.แค่ 250 เขต แต่ขอบคุณที่ประชาชนไว้วางใจ การเดินหน้าหลังจากนี้เราจะรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล โดยเราเป็นพรรคได้ที่นั่งส.ส.มากสุดจากการตัดสินใจของประชาชน เราจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคที่ร่วมจะเป็นพรรคไม่สืบทอดอำนาจ ยังคงยึดหลักการเดิมและพรรคอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนเรื่อง 250 ส.ว. ควรทำตามเสียงประชาชน เพราะเป็นหลักการที่เรายึดไว้ แม้ผลการเลือกตั้งจะยังไม่เป็นทางการ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ไม่ต้องกังวลไม่มีปัญหาทั้งสิ้น ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องคุยกัน พรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง เราจะพูดคุยกับพรรคร่วม โดยเอาประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ต้องตอบสนองประชาชนปรารถนา และทำให้ประเทศเป็นประชาธิไตย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้ส.ส.เขต 137 ที่นั่ง ส่วนที่อันดับสองได้ 112 ที่นั่ง ตามประเพณีการปกครอง พรรคที่ได้มากสุด จะเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาล ด้วยการประสานกับพรรคที่เหลือที่ประกาศตัวไม่สืบทอดอำนาจ

นายโภคิน กล่าวว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ ทุกคนต้องฝ่ากติกาไม่เป็นธรรม ท่ามกลางความยากลำบาก โดยพรรคที่ประกาศไม่สืบทอดอำนาจมีมากกว่า 300 เสียง โดยเราจะทำตามฉันทามติของประชาชน เพื่อไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเราไม่ได้ดูกติกาว่าใครได้เสียงมาก แต่ดูว่าใครได้ที่นั่งส.ส.มากกว่ากัน โดยต้องยึดตามกติกา ถ้าไม่เช่นนั้นไม่จบ ในต่างประเทศก็เช่นกัน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังออกจากห้องนี้จะมีการพูดคุยกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยทันที โดยยึดตามหลักและได้พูดคุยกัน ซึ่งเห็นมีเพียงพรรคพลังประชารัฐและพรรคคุณสุเทพ ที่สนับสนุนลุงตู่เท่านั้น ส่วนพรรคอื่นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

เมื่อถามว่าจะประสานอนาคตใหม่และภูมิใจไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงจะได้เห็นท่าทีของแต่ละพรรค เรามีเวลาหารือพูดคุยกัน

เมื่อถามว่าพรรคร่วมมีโอกาสเสนอแคนดิเดตนายกฯได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราจะคุยกัน เป็นเรื่องฉันทามติของทั้งหมด ส่วนพรรคร่วมจะเสนอชื่อ เป็นเรื่องที่จะพูดคุยกัน