เธอทั้งสวยและจิตใจดี หมอเมย์ ทักษอร กับความดีของเธอ
เป็นเรื่องราวของคุณหมอที่สู้เพื่อตัวเองและสู้เพื่อครอบครัวและยังมีคนไข้ที่เธอต้องดูแลมาตลอดหลายปีเธอคือคนที่ทั้งเก่งและสวยไม่ว่าจะเจออะไรสิ่งที่คนรอบข้างเห็นคือเธอยิ้ม ยิ้มมาตลอดครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่ามาก เธอไม่สบายระยะ…สุดท้ายแล้วแต่เธอก็ยังคงสู้ไม่คิดยอมเลยแม้แต่วันเดียวมีความคิดดีๆให้ทุกคนมาตลอดเวลา
คุณหมอกับครอบครัว
เป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่นเสมอถึงแม้วันนี้เธอจะดีขึ้นแต่สิ่งที่ต้องทำคือทำให้คนไข้ในการดูแลของเธอหายนั้นคือสิ่งที่เธอต้องการเลยตอนที่เธอเป็นนั้นคือตอนที่เธอกำลังมีน้องได้ 36 สัปดาห์ เราคิดว่าอาจเป็นตอนนั้นเลยแต่ไม่ได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ เวลาจึงล่วงเลยต่อมาเมย์อยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วงนั้นร่างกายก็เริ่มมีสัณญาณบอกถึงความล้า เรี่ยวแรงน้อยลง ต้องกินกาแฟทุกวันเพื่อให้มีแรง แต่ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องไม่สบายเลย
เพราะแม่ลูกอ่อนก็เหนื่อยแบบนี้เป็นปกติ หากย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะรีบไปส่องกล้องซ้ำตั้งแต่ 3 เดือนแรกแต่ใจยังสู้ คิดว่าฉันต้องหายสิ ลูกยังเล็กยังน่ารักจะเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้ จากนั้นรีบโทรหาคุณพ่อ ทันทีที่คุณพ่อทราบข่าว พ่อซึ่งรักเรามากกว่าใครในโลกนี้บินมาหาเมย์ที่ กรุงเทพ ด้วยความรวดเร็ว และพาเมย์บินกลับมารักษาตัวที่เชียงใหม่ พร้อมคำพูดที่อบอุ่นหัวใจที่สุดว่า กลับบ้านเรามารักษาตัวกันนะลูกจะต้องหาย
เราเจอภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย คือ ภาวะที่กลไกการแข็งตัวของเลือดทำงานผิดปกติและเกิดการแพร่กระจาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดที่ทำให้เส้นเลือดอุดตันทั้งแบบกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ลดการไหลเวียนของเลือดและอุดกั้นไม่ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่การห้ามเลือดของร่างกายที่ผิดปกติ ไปจนถึงอวัยวะในร่างกายล้มเหลวหรืออาจทำให้จากไปได้เลย
ส่วนตอนนี้เมย์ยังต้องนอนพักอยู่ที่ห้อง ICU รอคอยว่าเลือดจะกลับมาปกติดี นอนไปฝันไปว่า อีกเดี๋ยวก็ออกโรงพยาบาลไป จะไปแต่งตัวสวยๆ ได้เหมือนเดิมแล้ว อยากกลับมายืน เดิน เริ่มหัดออกกำลังกาย กลับมาดูแลตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ไม่เป็นแบบนี้ระยะสุดท้ายไม่รู้เลยว่าทุกครั้งที่ตื่นนอน ยังคงเห็นคุณค่าของทุกลมหายใจเสมอ ขอบคุณสำหรับทุกๆ การบริจาคโลหิต เป็นการทำบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยที่ไม่ต้องนำเงินใดๆ ไปซื้อมา
น่ารักทั้งบ้านเลย
แหล่งที่มา: https://guruthainews.com