นายกฯ จีนสัญญา ช่วยประชาชนพ้น “ความยากจน” เกิน 10 ล้านคนในปีนี้
.
อ้างอิงการประชุมฝ่ายบริหารแห่งคณะมุขมนตรีจีน ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เป็นประธานเมื่อไม่นานนี้ ระบุว่าจีนจะเดินหน้าบรรเทาความยากจนและนำพาประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนออกจากความยากจนในปี 2019 เพื่อวางรากฐานสู่การเอาชนะสงครามความยากจน
.
ปี 2018 เป็นปีที่จีนเริ่มแผนปฏิบัติการต่อสู้กับความยากจนระยะเวลา 3 ปี โดยนายกฯ หลี่กล่าวคำมั่นลดคนจนปีละ 10 ล้านคน ขณะรายงานผลงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงแนะนำหนทางผลักดันการทำงานและจัดการกองทุนบรรเทาความยากจนให้ดียิ่งขึ้น
.
รายงานระบุว่าจีนสามารถนำพาประชาชน 13.86 ล้านคนออกจากความยากจนในปี 2018 ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความพยายามอย่างหนักหน่วงของรัฐบาลท้องถิ่นและหน่วยงานผู้มีอำนาจในการปฏิบัติตามนโยบายของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์และคณะมุขมนตรีจีน
.
ตัวเลขสถิติจากสำนักงานบรรเทาความยากจนและการพัฒนาของจีน บ่งชี้ว่าวิธีการบรรเทาความยากจนแบบใหม่ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่ในพื้นที่ทุรกันดาร อาทิ อีคอมเมิร์ซ พลังงานแสงอาทิตย์ และการท่องเที่ยว หยั่งผลสำเร็จลุล่วงอันน่าพอใจ
.
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ทุรกันดารยังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีการก่อสร้างหรือปรับปรุงถนนเขตชนบทราว 208,000 กิโลเมตรในปี 2018 รวมถึงอัปเกรดโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่ยากจนและเชื่อมต่อหมู่บ้านยากจนกว่า 94 เปอร์เซ็นต์เข้าถึงระบบบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
.
“เราต้องมุ่งบรรลุเป้าหมายบรรเทาความยากจนของปีนี้ ทำให้ความยากจนกลายเป็นอดีตภายในปี 2020 คือพันธกิจสำคัญยิ่งยวดที่พรรคฯ และรัฐบาลจะทำเพื่อประชาชน เราต้องผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องและเสริมสร้างความก้าวหน้าอย่างแข็งขัน” หลี่กล่าว
.
ที่ประชุมฯ ตัดสินใจเพิ่มความพยายามบรรเทาความยากจนในพื้นที่ทุรกันดาร โดยจะเพิ่มกองทุนบรรเทาความยากจนภายใต้งบประมาณจากรัฐบาลกลาง และเร่งดำเนินโครงการต่างๆ ภายใต้แผนการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13
.
นอกจากนั้นคณะทำงานจะเดินหน้าขยับขยายงานเชื่อมโยงภูมิภาคเพื่อบรรเทาความยากจน โดยจะแก้ไขปัญหาครอบครัวฐานะยากจนขาดแคลนความต้องการพื้นฐาน 5 ประการอันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม การศึกษาขั้นพื้นฐาน การดูแลสุขภาพ และสถานที่อยู่อาศัย
.
“ทุกบาททุกสตางค์ของกองทุนบรรเทาความยากจนต้องถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส” หลี่กล่าว
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th