ลูกจ้างมีเฮ! เตรียมปรับค่าจ้างใหม่ ลุ้น 360 บ.เท่ากันทั่วประเทศ เดือนมี.ค.รู้ผล!
ลุกจ้างเตรียมเฮ!! กระทรวงแรงงาน เตรียมปรับค่าแรงปี 2562 คาดภายในเดือนมีนาคมรู้ผล ยันปรับตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ละจังหวัดปรับขึ้นไม่เท่ากัน เพราะต้องดูตามสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพของแต่ละพื้นที่ ขณะที่ผู้ใช้เเรงงาน ร้องขอ 360 บาทเท่ากันทุกจังหวัด
13 ก.พ. 2562 นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการค่าจ้างเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทุกจังหวัดได้มีการส่งตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำเข้ามาครบแล้ว มีการเสนอปรับขึ้นบ้างแต่ไม่มาก กำลังตรวจสอบว่าตัวเลขตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ มติที่ประชุมแต่ละจังหวัดเป็นอย่างไร เพราะมติที่ประชุมอาจเห็นว่าน่าจะให้ขึ้นแค่ 1-2 บาท หรือ 5 บาท
"ตัวเลขตามสูตรการคำนวนอาจจะไม่ตรงกัน ก็ต้องเอา 2 ตัวเลขมาดูอีกรอบหนึ่ง อัตราที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไร ส่งให้อนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาตรวจสอบเพื่อความรอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แล้วจึงเอาข้อสรุปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง"
นายจรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณา ยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย ว่ามีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำออกมาเป็นเท่าไร กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยมีปัจจัยการพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในปัจจุบัน ดัชนีชี้วัดค่าครองชีพ อัตราค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ มาตรฐานค่าเฉลี่ยค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิตราคาสินค้าและบริการ ความสามารถในการประกอบธุรกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ รวมทั้ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
การพิจารณาของอนุกรรมการค่าจ้างฯ น่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.พ. เพราะการปรับค่าจ้างในปี 2561 มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย. 61 ถึง 30 มี.ค. 62 อัตราค่าจ้างใหมปี 2562 จึงต้องทำให้เสร็จก่อน 30 มี.ค. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.
ขณะที่ส่วนที่ผู้นำแรงงานเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นเป็น 360 บาท ในอัตราเดียวกันทั่วประเทศ เรื่องนี้จะต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นอย่างไร ลูกจ้างและนายจ้างจะต้องอยู่ได้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าปัจจุบันเศรษฐกิจดีขึ้นแต่ไม่กระจาย คนในระดับล่างไม่มีเงินในมือ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อมีการปรับขึ้นค่าจ้าง กระทรวงพาณิชย์ก็ต้องไปกำกับดูแลไม่ให้สินค้าขึ้นราคา
อย่างไรก็ตาม อัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ยังไงก็ไม่เท่ากัน เพราะค่าครองชีพไม่เท่ากัน อย่างกรุงเทพฯกับแม่ฮ่องสอนก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับดัชนีตัวชี้วัด 4-5 ตัว
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรม จะมีตัวเลขอยู่แล้ว ก็เอามาดูกับตัวเลขในแต่ละจังหวัดด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่ากรุงเทพฯจะได้ขึ้นสูงสุดเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าแต่ละจังหวัดจะได้ปรับเท่าไร ต้องรอประชุมมติ การเคาะอัตราใหม่ภายในเดือนมีนาคมนี้