ครั้งหนึ่ง...ชาวปักกิ่งเคยเรียกร้องสิทธิ์ ในการมีอากาศบริสุทธิ์หายใจ วันนี้...ด้วยความจริงจังของรัฐบาลจีน แม้คุณภาพอากาศปักกิ่งยังไม่ถือว่าดีมาก แต่ก็ดีกว่ากรุงเทพฯตอนนี้
ปักกิ่งเคยได้ชื่อว่าเป็น ‘เมืองมลพิษ’ โดยเฉพาะในฤดูหนาว ปักกิ่งจะกลายเป็นเมืองในม่านหมอก เต็มไปด้วยมลพิษจากถ่านหินจากระบบทำความอบอุ่น จากโรงงาน รวมถึงมลพิษจากรถยนต์ที่แน่นขนัดบนท้องถนน ทำให้ปักกิ่งเผชิญมลพิษหนักที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปักกิ่งเคยตกอยู่ในสภาพเลวร้าย ขนาดที่มองไม่เห็นเส้นลายมือของตัวเอง เครื่องกรองอากาศ เครื่องวัดคุณภาพอากาศ หน้ากากกันมลพิษ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เศรษฐีปักกิ่งหาซื้อบ้านแห่งใหม่ทางภาคใต้ของจีนหรือต่างประเทศ เพื่อลี้ภัยมลพิษ
คำว่า ฝุ่นพิษ PM2.5 จึงกลายเป็นชื่อที่รู้จักไปทั่วโลก ก็เพราะข่าวมลพิษในปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน
สถานการณ์ฝุ่นพิษเลวร้ายขึ้นทุกขณะ จนทำให้สื่อจีนทนไม่ไหว ไม่เกรงกลัวอำนาจใดๆ เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหามลพิษอย่างจริงจัง
ชาวจีนและกลุ่มทนายความยังได้ยื่นฟ้องรัฐบาลจีน เพื่อเรียกร้อง ‘สิทธิ์ในการมีอากาศบริสุทธิ์หายใจ’
แรกๆนั้น รัฐบาลจีนมองว่า มลภาวะที่เกิดขึ้นเป็นแค่ ‘เรื่องชั่วคราว’ และมีการสกัดกั้นข่าว บล็อกการค้นหาคำว่า อู้หมาย (雾霾) ที่แปลว่า หมอกพิษ ตามสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท
แต่เมื่อมาถึงยุคท่านผู้นำสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ปกครองประเทศ รัฐบาลจีนประกาศสงครามกับมลพิษจริงจังและเด็ดขาด แต่นั่น ‘ก็ต้องใช้เวลา’ แรกๆชาวจีนจำนวนมากต่อว่ารัฐบาลว่า ปล่อยให้ประชาชนต้องทนหนาว
ปี 2013 รัฐบาลจีนออกแผนปฏิบัติการระดับชาติเรื่องมลภาวะทางอากาศ ลดการใช้ถ่านหินลง 50% จำกัดปริมาณการใช้ถ่านหิน ไม่อนุญาตให้ตั้งโรงงานใหม่ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ปิดเหมืองถ่านหินในพื้นที่กรุงปักกิ่งทั้งหมด
โรงงานเหล็กและอลูมิเนียมรอบกรุงปักกิ่งถูกจำกัดกำลังการผลิตในช่วงหน้าหนาว โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โรงงานหยุดเดินเครื่องในวันที่มลพิษเกินมาตรฐาน
ระบบทำความร้อนในหน้าหนาวที่เคยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ให้เปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าหรือก๊าซธรรมชาติ
สำหรับรถยนต์ มีการจำกัดป้ายทะเบียนรถยนต์ใหม่ จนเกิดปรากฏการณ์ “มีเงินซื้อรถ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มีป้ายทะเบียน” รถยนต์ต่างเมืองไม่สามารถเข้าพื้นที่ชั้นในกรุงปักกิ่ง โดยเฉพาะ ‘รถบรรทุก’ ไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามา
รัฐบาลจีนยกระดับกรมสิ่งแวดล้อม ให้มีฐานะเป็นกระทรวง ปรับปรุงกฎหมายปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี เพื่อควบคุมหรือระงับการดำเนินการของโรงงานที่ก่อมลพิษ
รัฐบาลเปิดทางให้องค์กรสิ่งแวดล้อมและประชาชนสามารถฟ้องร้องบริษัทหรือโรงงานที่ก่อมลพิษ มีการยกเลิกค่าปรับขั้นสูง ซึ่งหมายความว่า ศาลจะสั่งให้ผู้ที่ก่อมลพิษชดใช้ค่าเสียหาย ‘เท่าไหร่ก็ได้’
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจำนวนมากถูกปรับเป็นเงินก้อนโต บางแห่งถูกสั่งปิดถาวร บริษัทหลายแห่งทุ่มเงินมหาศาลเพื่อปรับปรุงเครื่องจักร บริษัทต่างชาติในจีน 80% ยอมรับว่า ระเบียบใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมของจีน ‘เข้มงวดมาก’ และ 4% บอกว่า ‘เข้มงวดจนไม่อาจจะทำธุรกิจในจีนได้อีกต่อไป’
ด้วยความจริงจังของรัฐบาลจีน วันนี้ถึงแม้คุณภาพอากาศของปักกิ่งยังไม่ถือว่าดีมาก แต่ก็ดีกว่ากรุงเทพฯ
ฤดูหนาวปีนี้ กรุงปักกิ่งมีท้องฟ้าสีครามสดใส ผู้คนไม่ต้องสวมหน้ากาก
ชาวปักกิ่งถึงกับพูดว่า ‘ไม่เคยเห็นกรุงปักกิ่งแบบนี้มานานแล้ว’
องค์กรกรีนพีซยังชื่นชมรัฐบาลจีนว่า มีความก้าวหน้าในการจัดการมลพิษอย่างมาก ค่าความเข้มข้นของ PM 2.5 ลดลงมาอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ดี แม้จีนจะต้องใช้งบประมาณมากถึง 250,000 ล้านหยวน ในการจัดการมลภาวะ ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ยังไม่รวมค่าเสียโอกาสจากการสั่งระงับการทำงานของโรงงานและการก่อสร้างต่างๆ
แต่การคืนความสุข คืนอากาศบริสุทธิ์ให้ชาวจีน เป็นเรื่องสำคัญกว่า
ขอขอบคุณ content ดีๆ จาก... FB Fan Page บูรพาไม่แพ้