อาชีพใหม่ "จ้างหญิงไทยแต่งงานกับอาบัง" อยู่กินเป็นผัวเมียปลอมๆ ยายวัย 70 ยังไม่เว้น!!
คำกล่าวที่ว่า เงินซื้อได้ทุกอย่าง จะจริงหรือไม่นั้น คำตอบในใจของทุกคนคงแตกต่างกันออกไป แต่ล่าสุด เงินซื้อทะเบียนสมรสได้ เงินซื้อเวลาให้อยู่ต่อในดินแดนบางแห่งได้...
เรื่องราวของหญิงสาวชาวไทย รับจ้างแต่งงานกับชายชาวอินเดียนั้น มาแดงจนตำรวจจับได้ ก็เมื่อคุณยายวัย 70 ปี มีครอบครัวมีลูกแล้ว แต่ดันไปยื่นขอจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ จังหวะของคุณยายพอดิบพอดีกับสาวคนหนึ่งที่มาติดต่อเจ้าหน้าที่ของอำเภอด้วยท่าทีผิดสังเกต เธอมาขอจดทะเบียนสมรส ทั้งๆ ที่เคยขอแต่งงานกับชายชาวต่างชาติไปแล้วถึง 3 ครั้ง
ล่าสุด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) จับกุมขบวนการจ้างหญิงไทยจดทะเบียนสมรส และปลอมแปลงเอกสารเพื่อใช้ขอวีซ่า ซึ่งในครั้งนี้สามารถจับหญิงไทย 27 ราย (หรืออาจจะมีอีกมากมายนับไม่ถ้วน) ที่รับจ้างแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับชายชาวอินเดียโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางกายและทางใจใดๆ ทั้งสิ้น
ขบวนการนี้มีหญิงไทยมีส่วนรู้เห็นและร่วมคิดตั้งแต่การรับจ้างจดทะเบียนสมรสมาจนถึงขั้นยื่นเอกสารปลอมต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จากการสืบสวนทราบว่าชาวอินเดียได้มีการชักชวนหญิงไทยจดทะเบียนสมรส โดยกลุ่มหญิงไทยที่ชักชวนจะเป็นกลุ่มที่เดือดร้อนเรื่องการเงินด้วยการเสนอค่าจ้างเพื่อจดทะเบียน โดยภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรชาวอินเดียและดำเนินคดีกับชาวอินเดียทั้ง 30 ราย พร้อมหญิงไทยที่รับจ้างจดทะเบียนสมรส ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับจำนวน 60 หมาย ประกอบด้วย ชาวอินเดีย 30 หมายจับ และหญิงไทย 30 หมายจับ ในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย” โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ร่วม 34 ราย แยกเป็นชาวอินเดีย 10 ราย หญิงไทย 24 ราย ส่วนที่เหลือจะติดตามจับกุม เพื่อนำมาดำเนินคดีต่อไป
ส่วนเหตุผลที่ชายชาวอินเดียพยายามทำเช่นนี้ มีเหตุผลมาจากพวกเขาต้องการใช้ทะเบียนสมรสไปเป็นหลักฐานในการยื่นขออนุญาตขออยู่ต่อในราชอาณาจักร อีกทั้งปลอมแปลงเอกสารสำคัญต่างๆ
"โดยหญิงสาวชาวไทยจะได้รับค่าจ้างจดทะเบียนครั้งละ 8,000 – 10,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้งสองฝ่าย" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้กล่าวถึงคดีอีกลักษณะหนึ่งว่า ที่ผ่านมา เคยมีเคสหนึ่งที่ อ.วังม่วง จ.สระบุรี อยู่ๆ คนอินเดียกว่า 300 คน มีชื่อมาจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย โดยที่ผู้หญิงไทยไม่รู้เรื่องเลย จะถอนทะเบียนสมรสก็ไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องเข้าไปแก้ปัญหา โดยเพิกถอนวีซ่าคนอินเดียทั้ง 300 กว่าคนทั้งหมด บางคนก็หนีกลับประเทศไปแล้ว ที่เหลือเรากำลังติดตามจับกุม ส่วนผู้หญิงไทยเราต้องให้ความช่วยเหลือ ต้องสอบปากคำและส่งเรื่องกลับ อ.วังม่วง เพื่อให้เพิกถอนทะเบียนสมรส
เช่นเดียวกันบรรดาแขกขายถั่วต้ม ถั่วคั่ว ที่ในขณะนี้ไม่เพียงยึดหัวหาดเฉพาะเมืองหลวงเท่านั้น แต่กระจายไปทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน มีมากในเมืองท่องเที่ยว บรรดาแขกขายถั่วจะมีนายทุนตั้งทีมส่งกระจายขายทั่วไป รายได้ในแต่ละวันจะหักกับหัวหน้า บางรายที่อยู่ประเทศไทยมานานก็จะบินเดี่ยว แต่ต้องหาพื้นที่ทำมาหากินเอง หากทับเส้นแก๊งมาเฟียก็อาจจะมีปัญหา
อีกกรณีหนึ่ง คือ โรงเรียนนานาชาติที่ จ.นครราชสีมา ก็ปรากฏว่ามีชื่อนักเรียนอินเดียเข้ามากว่า 300 คน เพื่อให้มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย เพื่อมาทำสิ่งต่างๆ ในประเทศของเรา ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมไปแล้ว.
Cr : Goddess Sloth